fbpx
รางน้ำไวนิล

เรื่องควรรู้ ก่อนเริ่มสร้างบ้าน

เรื่องควรรู้ ก่อนเริ่มสร้างบ้าน เป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นมากที่คุณเจ้าของบ้านต้องทำความเข้าใจ และทำความรู้จักกับเรื่องบางเรื่อง หรือบางเรื่องที่คิดว่าไม่สำคัญ แต่พอเอาเข้าจริงแล้วก็จำเป็นต้องรู้อยู่เหมือนกัน คุณเจ้าของบ้านจึงควรศึกษาหาความรู้ไว้ ตั้งแต่เรื่องทำเลที่ตั้ง กฎหมายเกี่ยวกับบ้าน การถมที่ดิน ทิศทางแดด – ลม แบบบ้านที่จะใช้ในการสร้างบ้าน จำนวนสมาชิกในครอบครัว งบประมาณในการใช้สร้างบ้าน  เอกสารขออนุญาตปลูกสร้างบ้าน การเลือกระหว่างบริษัทสร้างบ้าน ผู้รับเหมาหรือช่าง และที่สำคัญคือต้องรู้ขั้นตอนการสร้างบ้านแบบคร่าว ๆ เรื่องเหล่านี้ต้องทำความเข้าใจไว้ก่อนนะครับ 

 

1. ทำเลที่ตั้งบ้าน

ทำเลที่ตั้งถือเป็นเรื่องที่ควรรู้และศึกษาไว้ให้ละเอียด ประกอบการตัดสินใจ เพราะมีความสำคัญมากต่อการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก คุณต้องคำนึงถึงการเดินทางจากตัวบ้านไปที่ทำงาน ไปโรงเรียนลูก ไปตลาดหรือศูนย์การค้า และปัจจุบันสำคัญมากคือใกล้กับระบบขนส่งสาธารณะอย่างรถไฟฟ้าหรือไม่ ซึ่งถ้าคุณยังจำเป็นต้องใช้ชีวิตภายในตัวเมืองเรื่องทำเลที่ต้องเป็นเรื่องที่ต้องคิดหนักอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าใครที่อยากไปใช้ชีวิตแบบชิล ๆ มีอิสระในการทำงาน ทำเลที่ตั้งที่อยู่ตามชานเมืองหรือต่างจังหวัดก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์กว่ามากทีเดียว นอกจากนี้เรื่องที่เกี่ยวข้องกับทำเลที่ตั้ง คือ เรื่องของความปลอดภัย การเลือกทำเลที่ตั้งในการสร้างบ้านไม่ควรเลือกบริเวณที่รกร้าง ย่านที่ดูเปลี่ยว และมีความเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สิน ก่อนจะสร้างบ้านจึงควรศึกษา และวางแผนเรื่องทำเลที่ตั้งเป็นเรื่องแรก ๆ เลยครับ

 

2. กฎหมายเกี่ยวกับการสร้างบ้าน

เรื่องกฎหมายเกี่ยวกับการสร้างบ้านเป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นมากที่เจ้าของบ้านต้องรู้ไว้ เพราะหากสร้างบ้านแล้วไม่ถูกต้องตามหลักบัญญัติของกฎหมาย จะทำให้มีปัญหาตามมาทีหลังได้ ตั้งแต่การโดนปรับเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปจนถึงติดคุกติดตะรางก็เป็นได้ หรือบางครั้งอาจจะต้องทุบบ้านทั้งหลังทิ้งเลยนะครับ วันนี้เรามี 10 ข้อกฎหมายที่ควรรู้ก่อนเริ่มสร้างบ้านมาฝากกันครับ

  1. สร้างบ้านเต็มผืนที่ดินไม่ได้ กฎหมายกำหนดให้ขอบเขตของตัวบ้านมีพื้นที่ได้ไม่เกิน 70% ของที่ดิน
  2. สร้างบ้านชิดรั้ว ผนังบ้านต้องปิดทึบ ควรเว้นระยะห่างตัวบ้านจากรั้วบ้านหรือแนวดิน ไม่น้อยกว่า 50 เซนติเมตร 
  3. ผนังบ้านที่มีประตู หน้าต่าง  ต้องมีระยะห่างจากแนวรั้วขั้นต่ำอย่างน้อย 2 เมตร
  4. แต่ละห้องต้องมีช่องระบายอากาศไม่น้อยกว่า 10 %
  5. ห้องนอนต้องมีพื้นที่ใช้งาน อย่างน้อย 8 ตารางเมตร
  6. เพดานห้องน้ำต้องสูงอย่างต่ำ 2 เมตร
  7. บันไดของบ้านต้องกว้างมากกว่า 80 เซนติเมตร
  8. ติดเหล็กดัด ต้องมีช่องเปิดด้วย
  9. ห้ามสร้างบ้านล้ำเข้าไปในถนนสาธารณะเด็ดขาด
  10. ที่ดินชิดถนนหักมุมจะต้องปาดแนวรั้วด้านละ 4 เมตร

 

3. ดินควรถมสูงแค่ไหน

การถมที่ดินก่อนเริ่มสร้างบ้านเป็นเรื่องที่เจ้าของบ้านต้องศึกษาทำความเข้าใจเอาไว้เช่นกันครับ โดยสาเหตุที่ต้องถมที่ดินก็เพื่อยกระดับความสูงของพื้นที่เพื่อป้องกันน้ำท่วม สิ่งแรกที่ต้องทำก่อนถมดินสร้างบ้าน คือตรวจสอบผืนดินเบื้องต้น เพื่อใช้ในการตัดสินใจว่าจะกำหนดความสูงของผืนดินอีกเท่าไหร่ดี  และสอบถามสภาพพื้นที่จากผู้อยู่อาศัยบริเวณรอบข้างว่ามีการเกิดน้ำท่วมหรือไม่ น้ำท่วมสูงเท่าไหร่ ใช้เวลานานหรือไม่ถึงจะแห้ง น้ำท่วมขังตลอดไหม ชนิดของดินบริเวณนี้เป็นดินอะไร

การถมที่ดินต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายอย่าง เช่น ระดับความสูงของพื้นถนน ความสูงของบ้านหลังอื่น ๆ รอบข้าง ระดับที่น้ำเคยท่วมถึง แต่โดยปกติทั่วไปการถมที่ดินจะถมให้สูงกว่าถนน 50-80 เซนติเมตร หรือบางที่จะถมถึง 1 เมตร เผื่อไว้สำหรับดินทรุดตัว ส่วนระยะเวลาที่ควรถมที่ดินทิ้งไว้ก่อนสร้างบ้าน คือ 6-12 เดือน แต่หากต้องการสร้างบ้านแบบเร็วที่สุดสามารถใช้ดินที่เหมาะกับการสร้างบ้านโดยทันทีและทำการบดอัดดินให้แน่นก่อนเริ่มสร้างบ้าน

 

4. ทิศทางแดด – ลม

ทิศทางแดด – ลม ส่งผลต่อการวางแปลนบ้านว่าห้องไหน ควรอยู่ทิศใด เพื่อให้อาศัยอยู่ในบ้านที่รับแสงแดด สายลม ได้อย่างพอดี ถูกต้อง ลงตัว และมีความสุข ดังนั้น การรู้เเรื่องทิศทางของแดด ทิศทางของลม ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน  แสงแดดจะวิ่งเป็นแนวตะวันออกแล้วอ้อมโค้งไปทางใต้ แล้วตกในทิศตะวันตก ทำให้ทิศตะวันตกเป็นทิศที่รับแสงแดดมากที่สุดของวัน คือตั้งแต่เมื่อเวลาตอนช่วงเที่ยงถึงห้าโมงเย็น ด้านนี้จึงเหมาะทำเป็นหลังบ้าน บริเวณตากผ้า เพราะรับแสงมากที่สุด ส่วนทิศตะวันออกเป็นทิศที่ได้รับแสงแดดอ่อน ๆ ในตอนเช้า แสงจะแรงมาก ๆ แค่ช่วงสิบโมงเช้าจนถึงเที่ยง และทิศเหนือเป็นทิศที่รับแสงแดดน้อยที่สุด จึงเหมาะที่จะวางห้องนอนหรือห้องพักผ่อนไว้ 2 ทิศนี้

ส่วนลมนั้น ลมประจำฤดูของประเทศไทยเราจะพัดมาจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งพัดลมหนาวมาจากจีนในช่วงหน้าหนาว  และ ลมจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดเอาความชื้นจากทะเลมาในช่วงฤดูร้อนและฤดูฝน การสร้างบ้านที่ดีจึงควรวางด้านยาวหันเข้าหาทิศทางลมเพื่อให้ลมธรรมชาติพัดเข้ามาในบ้านอย่างสะดวก ทำให้ระบายความร้อน บ้านเย็นสบายยิ่งขึ้น

 

5. แบบบ้านต้องรู้

แบบบ้านในฝันของคุณ เป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจอยู่เหมือนกัน สำหรับแบบบ้านสไตล์ต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกอยู่หลายแบบหลายสไตล์ สามารถเลือกได้ตามความชอบของคุณเจ้าของบ้าน แต่ทีนี้ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าแบบบ้านที่บางคนเลือกดูในอินเทอร์เน็ต แล้วอยากทำตามแบบนั้นเลย ถือว่าไม่สามารถทำได้ ต้องทำการขออนุญาตเจ้าของแบบ และให้นักออกแบบ วิศวกร สถาปนิกทำแบบขึ้นมาใหม่ เพื่อนำไปทำเรื่องกับหน่วยงานราชการก่อนจึงจะสามารถเริ่มสร้างบ้านได้ แต่ถ้าเป็นแบบบ้านจากหน่วยงานราชการที่ทำแบบมาออกมาให้ใช้ฟรี มีรายละเอียดครบแบบนั้นจึงสามารถนำไปใช้ได้ แต่หลายคนก็คงอยากได้แบบบ้านใหม่ ไม่ซ้ำใคร อันนี้ก็สามารถจ้างนักออกแบบให้ออกแบบแบบบ้านให้เราขึ้นใหม่โดยเฉพาะ แล้วทำเรื่องกับหน่วยงานราชการก่อนเริ่มสร้างบ้านเช่นกันครับ

 

6. จำนวนสมาชิกในครอบครัว

จำนวนสมาชิกในครอบครัวเป็นเรื่องที่ต้องรู้ก่อนเริ่มสร้างบ้าน เพราะมีผลต่อการปลูกสร้างบ้าน โดยต้องนำจำนวนสมาชิกในบ้านมาใช้อ้างอิงกับการทำห้องต่าง ๆ ภายในบ้าน บ้าน 1 หลังที่กำลังสร้าง จะมีห้องนอนกี่ห้อง ห้องน้ำกี่ห้อง มีห้องรับแขกดีไหม ห้องนันทการอื่น ๆ จะสร้างดีไหม ส่วนนี้มีความสำคัญมากนะครับ นอกจากรู้จำนวนสมาชิกที่จะอยู่อาศัยภายในบ้านหลังนี้แล้ว การถามความต้องการของแต่ละคน ว่าอยากมีห้องอะไร มีบริเวณไหนที่อยากทำเอาไว้ใช้สอยร่วมกันก็เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะทุกคนจะได้อาศัยอยู่ในบ้านร่วมกันอย่างมีความสุข

 

7. งบประมาณสำหรับการสร้างบ้าน

การสร้างบ้าน 1 หลัง ปฏิเสธไม่ได้ว่าต้องใช้เงินจำนวนมากทีเดียว ดังนั้นการกำหนดงบประมาณที่จะใช้สร้างบ้านจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องวางแผนให้ละเอียด เพราะกว่าบ้าน 1 หลังจะทำเสร็จออกมาพร้อมอยู่อาศัย มีรายละเอียดยิบย่อยมากมายที่ต้องใช้เงินในแต่ละส่วน ดังนี้

รายการงบสร้างบ้าน                                                   

  1. ค่าเขียนแบบ / ค่าประเมินที่ดิน        
  2. ค่าประกันในการกู้                                
  3. ค่าเทคานวางรากฐานบ้าน
  4. ค่ากระเบื้องและค่ามุงหลังคา 
  5. ค่าก่อฉาบ 
  6. ค่าทาสี
  7. ค่าปูกระเบื้องทั้งหลัง +ค่ากระเบื้อง
  8. ค่าติดกระจก ประตู และเหล็กดัด 
  9. ค่าอุปกรณ์และค่าแรงในการติดตั้งห้องน้ำ 
  10. ค่าอุปกรณ์และค่าแรงในการติดตั้งห้องครัว
  11. ค่าโรงจอดรถที่ติดกับตัวบ้าน 
  12. ค่าอุปกรณ์และค่าติดตั้งระบบน้ำและไฟ
  13. ค่าของตกแต่งอื่น ๆ ที่จำเป็น 
  14. (กรณีที่จ้างสถาปนิกออกแบบบ้านให้) มีค่าออกแบบ

 

 

8. เอกสารการขออนุญาตปลูกสร้างบ้าน

เอกสารที่ต้องยื่นมีอะไรบ้าง

– สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ขออนุญาตและเจ้าของที่ดิน อย่างละ 1 ชุด

– สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ขออนุญาตและเจ้าของที่ดิน อย่างละ 1 ชุด

– แบบก่อสร้างแผนผังและรายการประกอบแบบ อย่างละ 5 ชุด

– สำเนาโฉนดที่ดินที่จะทำการก่อสร้าง จำนวน 1 ชุด (หรือเอกสารสิทธิ์อื่น ๆ)

– สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท วัตถุประสงค์ ผู้มีอำนาจลงชื่อแทน นิติบุคคล ที่ขออนุญาตที่

ออกให้ไม่เกิน 6 เดือน

 

หมายเหตุ: จำนวนชุดของเอกสาร จะต้องสอบถามข้อมูลอัปเดตจากสำนักงานเขตท้องถิ่นที่จะยื่นขออนุญาตก่อสร้างบ้าน

 

หลักฐานที่เกี่ยวข้องเฉพาะเรื่อง

– หนังสือยินยอมจากเจ้าของที่ดิน (กรณีผู้ขออนุญาตไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดิน)

– หนังสือยินยอมให้ปลูกสร้างอาคารชิดผนัง (กรณีใช้ผนังร่วมกัน)

– หนังสือยินยอมให้ปลูกสร้างอาคารชิดเขตที่ดิน (กรณีชิดเขตที่ดินข้างเคียง)

– สำเนาทะเบียนบ้านของเจ้าของที่ดินแปลงข้างเคียง

– สำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของที่ดินแปลงข้างเคียง

– หนังสือรับรองของสถาปนิกและใบควบคุมงานของสถาปนิก

– หนังสือรับรองของวิศวกรและใบควบคุมงานของวิศวกร

– รายการคำนวณ 1 ชุด (กรณีส่วนหนึ่งส่วนใดของอาคารก่อสร้างด้วยวัตถุถาวรและทนไฟเป็นส่วนใหญ่ หรืออาคารสาธารณะ อาคารพิเศษ)

 

ระยะเวลาในการพิจารณาในกรณีทั่วไป

  1. อาคารพักอาศัยไม่เกิน 2 ชั้น ใช้เวลาในการพิจารณาไม่เกิน 20 วัน ไม่รวมระยะเวลาแก้ไขแบบแปลน
  2. อาคารพาณิชย์ อาคารขนาดใหญ่ อาคารประเภทควบคุมการใช้ ใช้เวลาในการพิจารณา 33 วัน (ไม่รวม

ระยะเวลาแก้ไขแบบแปลน)

   ยกเว้นในกรณีที่มีข้อขัดข้อง จะใช้เวลาพิจารณาตามที่ได้กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร 

 

9. เลือกบริษัทสร้างบ้าน ผู้รับเหมา หรือช่างในการสร้างบ้าน

เมื่อตัดสินใจจะสร้างบ้านแล้ว สิ่งที่ควรคำนึงต่อมา คือ แล้วใครจะเป็นคนสร้างบ้านให้เรา ที่แน่ ๆ ก็คือต้องตัดสินใจเลือกคนที่จะมาสร้างบ้านให้ เลือกระหว่างบริษัทรับสร้างบ้าน ผู้รับเหมา หรือช่าง  ซึ่งก้มีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกันไป การจ้างบริษัทรับสร้างบ้านมีข้อดีคือดูแลให้ตั้งแต่ต้น จนจบงาน ส่วนถ้าจ้างผู้รับเหมาเรามีสิทธิ์ตัดสินใจเลือกทุกอย่างเองได้ เมื่อรู้สึกไม่ชอบส่วนไหนขณะที่กำลังก่อสร้างสามารถแก้ปัญหาได้เลย ถ้าสร้างบ้านหลังไม่ใหญ่มากจ้างช่างทำให้ก็ประหยัดค่าใช้จ่ายได้ดีทีเดียวครับ

 

10. ขั้นตอนการสร้างบ้าน

ขั้นตอนที่ 1 – เตรียมพื้นที่ เตรียมความพร้อมก่อนเริ่มปลูกสร้างบ้าน

ขั้นตอนที่ 2 – ขุดเจาะเสาเข็ม

ขั้นตอนที่ 3 – วางโครงสร้างและฐานราก

ขั้นตอนที่ 4 – วางโครงสร้างชั้นบน

ขั้นตอนที่ 5 – มุงหลังคา สร้างบันได และหล่อชิ้นส่วนต่าง ๆ

ขั้นตอนที่ 6 –  ผนัง และเตรียมระบบไฟฟ้า

ขั้นตอนที่ 7 – ฉาบผนังและติดตั้งเพดาน

ขั้นตอนที่ 8 – ติดตั้งประตู หน้าต่าง ตกแต่งพื้น ผนัง ทาสี

ขั้นตอนที่ 9 – เช็กความเรียบร้อย ทำความสะอาด เตรียมเข้าอยู่

ขั้นตอนที่ 10 – ตกแต่งภายนอกและภายใน พร้อมเข้าไปอยู่อาศัย

 

          กว่าจะสร้างบ้านหนึ่งหลังได้ ต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อเก็บเงิน หรือบางคนก็ยอมกู้หนี้ยืมสินเพื่อจะได้เงินก่อนโตมาสร้างบ้าน ในเมื่อเรายอมลำบากมาทั้งชีวิตเพื่อจะได้มีบ้านเป็นของตัวเองแล้ว การทำความเข้าใจเรื่องสำคัญ ๆ ก่อนเริ่มสร้างบ้านก็ไม่ใช่เรื่องยากเท่าไหร่นัก หากอยากจะอยู่ในบ้านหลังที่เราสร้างไปอีกหลายสิบปี ก็ต้องพิถีพิถันกันหน่อย วันนี้ VG ได้รวบรวม 10 เรื่องควรรู้ ก่อนเริ่มสร้างบ้านเพื่อเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังคิดจะสร้างบ้าน สำหรับเจ้าของบ้านที่กำลังสร้างบ้านแล้วกำลังมองหาดี ๆ ติดต่อ VG มาได้เลยนะครับ

 

ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก

20 ข้อควรรู้ก่อนการสร้างบ้าน ตอนที่1 (forfur.com)


บทความที่เกี่ยวข้องกับรางน้ำฝน

Blog - 10 วิธีจัดบ้านสวย เสริมดวงผู้อยู่อาศัย อยู่แล้วรวยตลอดปี 2565

ปีเก่าผ่านไป ปีใหม่กำลังผ่านเข้ามา Welcome สู่ปี 2565 ขอให้เป็นปีที่ดีสำหรับคนไทยทุกคนนะครับ เวลาผ่านไปเร็วอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ว่าจะผ่านไปยังไง เราก็ยังอยู่ในบ้านหลังเดิมอีกปี และอีกปี แต่ก็มีบางคนที่อาจจะย้ายบ้านใหม่อยู่บ้าง แต่ไม่ว่าคุณอยู่บ้านหลังใหม่หรือบ้านหลังเดิม การเพิ่มเติมโชคลาภ เสริมดวงสำหรับผู้อยู่อาศัยภายในบ้านก็สำคัญนะครับ วันนี้ VG ขอเสนอวิธีจัดบ้านสวย เสริมดวงผู้อยู่อาศัย อยู่แล้วรวยตลอดปี 2565 และตลอดไปชั่วนิรันดร์
บทความที่เกี่ยวข้องกับรางน้ำฝน

รางน้ำฝนสำคัญจริงไหม! ทำไมต้องมีและดีอย่างไร?

รางน้ำฝน ถือเป็นส่วนหนึ่งของบ้านที่สำคัญและมีประโยชน์มาก สำหรับบ้านในเมืองไทยที่มีฝนตกเฉลี่ย 4-6 เดือน/ปี เพราะเวลาที่ฝนตกหนักๆ น้ำฝนจากหลังคาที่ไม่ติดรางน้ำฝน ก็จะไหลตกลงสู่พื้นด้านล่างโดยตรง จนสร้างความเสียหายให้กับตัวบ้าน สิ่งปลูกสร้าง หรือแม้แต่ต้นไม้ที่เราปลูกเอาไว้รอบๆ บ้าน ดังนั้น รางน้ำฝนจึงเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันไม่ให้บ้านของเราเกิดความเสียหายนั่นเอง มาดูกันว่ารางน้ำฝนมีประโยชน์อย่างไรบ้าง
บทความที่เกี่ยวข้องกับรางน้ำฝน

เหตุผลที่บอกว่าหลังคาไวนิล เหมาะกับการใช้งานในเมืองไทย

การสร้างบ้านสักหลังวัสดุที่ใช้งานในแต่ละจุดไม่ว่าจะเป็นเสา, ผนัง, ประตู-หน้าต่าง รวมถึง “หลังคา” เป็นสิ่งที่ต้องเลือกให้ดีและเหมาะสมกับตนเองมากที่สุด ซึ่งเมื่อพูดถึงวัสดุที่นำมาใช้ผลิตเป็นหลังคาบ้านในปัจจุบันก็มีเยอะมาก เช่น กระเบื้อง, เมทัลชีท อย่างไรก็ตาม “หลังคาไวนิล” จัดเป็นอีกประเภทที่ได้รับความนิยมสูงมาก และสิ่งต่อไปนี้คือเหตุผลที่อยากบอกว่าทำไมการติดตั้งหลังคาไวนิลจึงเหมาะกับเมืองไทยเป็นอย่างมาก
บทความที่เกี่ยวข้องกับรางน้ำฝน

รีวิวรางน้ำฝนไวนิล VG First R2 เปลี่ยนบ้านสไตล์คลาสสิกให้สวยมีสไตล์โดดเด่น

รางน้ำฝนไวนิล VG First R2 เป็นรางน้ำฝนสำหรับบ้านสไตล์คลาสสิกที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อเปลี่ยนแปลงบ้านคลาสสิกให้มีเสน่ห์โดดเด่นและทันสมัยมากยิ่งขึ้น
Inbox
Call
Line