ไม่ว่าจะกำลังวางแผนสร้างหรือปรับปรุงบ้านใหม่อยู่ สิ่งหนึ่งที่คนรักบ้านไม่ควรมองข้าม และจะต้องให้ความสำคัญไม่แพ้ส่วนอื่นๆ ของบ้าน นั่นก็คือ “รางน้ำฝน” แน่นอนว่าก็เป็นอีกอย่างที่จะต้องเลือกให้ดี เพราะรางน้ำฝน คือ อุปกรณ์ส่วนหนึ่งของหลังคาที่ใช้รองรับน้ำฝนและต้องเผชิญกับสภาพอากาศในทุกรูปแบบตลอดเวลา หากเลือกได้อย่างเหมาะสมก็จะช่วยลดปัญหาที่เกิดจากน้ำฝนได้
ดังนั้นการลงทุนกับการติดตั้งรางน้ำฝน ก็ควรเลือกรางน้ำฝนที่ตอบโจทย์และเกิดความคุ้มค่ามากที่สุด เพื่อลดภาระรวมถึงต้นทุนในการซ่อมแซม และการบำรุงรักษาที่อาจเกิดขึ้นภายหลัง จะได้ไม่เกิดค่าใช้จ่ายบานปลาย ซึ่งการเปรียบเทียบคุณสมบัติและราคารางน้ำฝนในแต่ละแบบนั้น เป็นวิธีที่สามารถช่วยในการเลือกและคำนวณราคารางน้ำฝนให้ได้สเปกที่ตอบโจทย์และคุ้มค่ามากที่สุด เพราะปัจจุบันรางน้ำฝนในท้องตลาดนั้น มีให้เลือกมากมาย โดยแยกออกเป็นการผลิตขึ้นจากวัสดุหลากหลายประเภท ซึ่งในแต่ละวัสดุก็จะให้คุณสมบัติที่ต่างกัน จึงทำให้เรื่องของราคารางน้ำฝนในแต่ละแบบมีราคาที่แตกต่างกันออกไปนั่นเอง โดยหนึ่งในรางน้ำฝนที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากคือ “รางน้ำฝนไวนิล”
บทความนี้ VG จะมาเปรียบเทียบทั้งในเรื่องของคุณสมบัติและราคารางน้ำฝนไวนิลกับรางน้ำฝนแบบอื่นๆ ให้เห็นกันอย่างชัดเจน เพื่อเป็นข้อมูลที่จะช่วยในการตัดสินใจเลือกติดตั้งรางน้ำฝนให้กับบ้านของคุณกัน
เทียบให้ชัด! กับคุณสมบัติและราคารางน้ำฝนแต่ละแบบ
เพื่อให้เห็นถึงความแตกต่างทั้งคุณสมบัติ ข้อจำกัด และราคารางน้ำฝนในแต่ละแบบอย่างชัดเจน เราจะมาพูดถึงรางน้ำฝนที่ผลิตจากวัสดุต่างๆ ไปทีละอย่างว่า มีคุณสมบัติอะไรบ้าง เหมาะกับบ้านแบบไหน พร้อมมาเช็คราคารางน้ำฝนในแต่ละวัสดุจะต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ ที่จะช่วยให้สามารถคำนวณราคารางน้ำฝนให้เหมาะกับงบประมาณของคุณและเลือกได้เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด
รางน้ำฝนสแตนเลส
รางน้ำฝนแบบแรกนี้เป็นรางน้ำฝนที่ผลิตจากวัสดุสแตนเลส ถือเป็นวัสดุประเภทโลหะที่มักนำมาผลิตเป็นรางน้ำฝนอย่างแพร่หลาย โดยสแตนเลสชนิดที่นำมาผลิตรางน้ำฝนส่วนใหญ่จะใช้สแตนเลสชนิด 304 และชนิด 201 ที่ได้มาตรฐานที่สุด ซึ่งรางน้ำฝนประเภทสแตนเลสนี้จะมีข้อดีคือแข็งแรง ทนทาน มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน จากคุณสมบัติเด่นของสแตนเลสที่ผิวจะมีการสร้างฟิล์มโครเมียมออกไซด์บางๆ เคลือบไว้ ทำให้ป้องกันการกัดกร่อนได้ดี
ข้อจำกัด: แม้ว่าคุณสมบัติของสแตนเลสจะให้ความทนทาน แต่ข้อจำกัดของรางน้ำฝนประเภทนี้ก็คือการอ่อนตัว ทำให้เมื่อมีการกระแทกจะทำให้เกิดการบุบและเปลี่ยนรูปร่างได้ง่ายมาก ปัญหาที่ตามมาคือ อาจทำให้เกิดรอยรั่วซึมได้ง่าย ทั้งจากการกระแทกและการติดตั้งด้วยการเชื่อมรอยต่อของรางที่ไม่ดี ซึ่งจะต้องอาศัยทักษะของช่างในการติดตั้งสูง นอกจากนี้ สแตนเลสอาจจะไม่ตอบโจทย์เรื่องความสวยงามมากนัก เพราะสแตนเลสไม่เหมาะกับการทาสี ซึ่งจะทำให้การป้องกันสนิมลดลงได้จากการทาสีทับลงบนผิวของสแตนเลสที่มีฟิล์มโครเมียมออกไซด์เคลือบไว้อยู่นั่นเอง ดังนั้นการเลือกรางน้ำชนิดนี้อาจจะต้องสำรองงบประมาณในการบำรุงซ่อมแซมในภายหลังไว้อีกด้วย
ช่วงราคารางน้ำฝนแบบสแตนเลสอยู่ที่ประมาณ: 500 - 900 บาท/เมตร
รางน้ำฝนเหล็ก
รางน้ำฝนที่ผลิตจากวัสดุโลหะอีกแบบคือ เหล็ก โดยเหล็กที่นิยมนำมาทำรางน้ำฝนจะใช้เป็นเหล็กเคลือบอลูซิงค์ หรือเหล็กชุบกัลวาไนซ์ เพราะจะสามารถช่วยป้องกันการเกิดสนิม มีน้ำหนักเบา และสามารถทาสีให้เข้ากับดีไซน์ของบ้านได้ นอกจากนี้ เมื่อเทียบกับสแตนเลสแม้เหล็กจะมีความทนทานน้อยกว่า แต่จะมีความสะดวกและควบคุมมาตรฐานการรั่วซึมได้ดีกว่าสแตนเลสที่รั่วซึมง่าย
ข้อจำกัด: รางน้ำฝนแบบเหล็กเคลือบอลูซิงค์ อาจจะมีราคาที่ค่อนข้างสูง และหากต้องการสีที่เข้ากับสไตล์ของบ้านก็จะต้องเพิ่มงบประมาณสำหรับการทาสีอีกด้วย วัสดุเหล็กก็มีหลากหลายเกรดให้เลือก รวมไปถึงแหล่งของวัสดุที่ได้มาตรฐานและบริการที่รับติดตั้งรางน้ำชนิดนี้ยังมีค่อนข้างน้อย จึงต้องอาศัยการศึกษาเพิ่มเติมให้ดีก่อน
ช่วงราคารางน้ำฝนเหล็กอยู่ที่ประมาณ: 800 - 1,500 บาท/เมตร
รางน้ำฝนแบบสังกะสี
เป็นรางน้ำที่หาได้ง่ายและสามารถติดตั้งได้ง่าย โดยการนำแผ่นสังกะสีมาทำการพับหรือม้วนเป็นทรงราง แล้วเชื่อมรอยต่อ ตามที่ใช้กันทั่วไปจะเลือกเป็นสังกะสีที่มีความหนา 0.5 มิลลิเมตรขึ้นไป เหมาะกับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด หรือต้องการติดตั้งรางน้ำฝนชั่วคราวมากกว่า
ข้อจำกัด: แม้ราคารางน้ำฝนแบบสังกะสีมีราคาที่ถูกกว่าวัสดุชนิดอื่นๆ แต่สิ่งที่ต้องเข้าใจและต้องแลกมาคือ ความสวยงามที่ไม่สามารถตอบโจทย์ได้ รวมถึงอายุการใช้งานที่ค่อนข้างสั้นและมีโอกาสในการเกิดรอยรั่วซึมจากการเกิดสนิมได้ง่าย
ช่วงราคารางน้ำฝนสังกะสีอยู่ที่ประมาณ: 200 - 400 บาท/เมตร
รางน้ำฝนไวนิล
มาต่อกันที่รางน้ำฝนไวนิล ที่ถือเป็นชนิดรางน้ำฝนที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด เพราะรางน้ำฝนไวนิลมาในรูปแบบของรางน้ำฝนสำเร็จรูปที่นอกจะหาซื้อได้ง่ายแล้ว ในเรื่องของคุณสมบัติของวัสดุไวนิล หรือ uPVC ที่มีความยืดหยุ่นสูง มีความทนทานต่อทุกสภาพอากาศ ไม่บิดงอแตกหักได้ง่าย และที่สำคัญคือเป็นวัสดุที่ไม่เกิดสนิม หมดปัญหาเรื่องการผุกร่อน วัสดุไวนิลจึงตอบโจทย์และเหมาะมากกับการนำมาผลิตเป็นรางน้ำฝน ด้วยคุณสมบัติที่ทนทานต่อการรองรับน้ำฝนได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ รางน้ำฝนไวนิลยังมีดีไซน์และสีสันที่ทำออกมาให้เลือกหลากหลาย ประกอบกับมีอุปกรณ์เสริมมากกว่ารางน้ำฝนชนิดอื่นๆ อีกด้วย ที่สำคัญไปกว่านั้น ในเรื่องของข้อจำกัดต่างๆ สำหรับรางน้ำฝนไวนิล แทบจะไม่มีอะไรให้ต้องกังวลในตัวของการผลิตและวัสดุเอง เพียงแต่จะต้องเลือกติดตั้งกับแหล่งที่มีทีมผู้เชี่ยวชาญ ก็จะทำให้ได้รางน้ำฝนไวนิลที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ช่วงราคารางน้ำฝนไวนิลอยู่ที่ประมาณ: 500 - 1,000 บาท/เมตร
เลือกรางน้ำฝนไวนิล ดียังไง?
เมื่อเปรียบเทียบทั้งเรื่องของราคาและคุณสมบัติเด่น รวมถึงข้อจำกัดต่างๆ แล้ว นั่นทำให้รางน้ำฝนไวนิล เป็นรางน้ำฝนที่เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่ได้รับความนิยมในการใช้งานมากที่สุด ด้วยความทนทานต่อทุกสภาพอากาศ โดยเฉพาะน้ำฝน หมดปัญหาการรั่วซึมเพราะการผลิตแบบสำเร็จรูปที่ได้มาตรฐาน ไม่มีปัญหาการผุกร่อนจากสนิมเหมือนกับวัสดุอื่นๆ อีกทั้งมีสีสันให้เลือกหลากหลาย รวมถึงในเรื่องของราคารางน้ำไวนิลที่ถือว่าอยู่ในช่วงราคาระดับปานกลาง และถูกกว่าเมื่อเทียบกับวัสดุเหล็กเคลือบ แต่มีความทนทานไม่แพ้กัน ทำให้การเลือกใช้รางน้ำฝนไวนิล จึงมีความคุ้มค่ากว่า ดังนี้
- รางน้ำฝนไวนิล มีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า
- รางน้ำฝนไวนิล สามารถเลือกให้เข้ากับดีไซน์ของบ้านได้ทุกรูปแบบ
- รางน้ำฝนไวนิล มาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมประสิทธิภาพการทำงานอื่นๆ เช่น ตาข่ายกันใบไม้ เป็นต้น
- รางน้ำฝนไวนิลมีราคาที่ให้ความคุ้มค่า เมื่อเทียบกับคุณภาพและคุณสมบัติที่ตอบโจทย์
ยกระดับตัวช่วยบ้านให้เหนือกว่า ด้วยรางน้ำฝนไวนิล VG
รางน้ำไวนิลทั่วไปอาจจะให้คุณสมบัติพื้นฐานที่ดีอยู่แล้วในการเป็นรางน้ำ แต่การจะเลือกลงทุนกับการติดตั้งทั้งที จึงต้องเลือกรางน้ำไวนิลที่ดีที่สุดอย่างรางน้ำฝนไวนิล VG ที่ให้คุณสมบัติที่เหนือกว่า ด้วยการผลิตจากนวัตกรรมเฉพาะอย่าง “พลาสติกยูพีวีซี iR-uPVC” จากการใช้ส่วนผสมเคมีภัณฑ์คุณภาพชั้นนำระดับโลก เทคโนโลยีเฉพาะที่ผ่านการผลิตโดยเครื่องจักรที่ทันสมัย
โดยรางน้ำฝน iR-uPVC จาก VG ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานท่ามกลางสภาพอากาศในประเทศไทย สามารถทนต่อความร้อน ความเป็นกรด และความชื้นได้เป็นอย่างดี เช่น บ้านติดริมทะเล รางน้ำฝน iR-uPVC จาก VG ก็สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทนทานต่อทุกสภาพอากาศได้เป็นอย่างดี และมีอายุการใช้งานได้ยาวนานถึง 15 ปี มั่นใจได้เพราะผ่านการทดสอบ Weather Testing จากประเทศเยอรมัน พร้อมด้วยคุณสมบัติการปกป้องวัสดุที่ให้มากกว่าถึง 2 ชั้น คือ
- ชั้นที่ 1 การปกป้องภายนอก (Outer Layer) ด้วยการเคลือบพิเศษด้วยสี Dupont สีจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก มีคุณสมบัติ Infrared Reflective ที่สามารถสะท้อนรังสี UV จากแสงแดดได้มากถึง 3 เท่า จึงไม่ทำให้เกิดสนิม ทั้งยังลดปัญหาอากาศร้อนบริเวณใต้ชายคาและช่วยลดความร้อนให้กับตัวบ้านได้อีกด้วย
- ชั้นที่ 2 การปกป้องภายใน (Inner Layer) ด้วยคุณสมบัติที่เน้นความแข็งแรงทางโครงสร้าง ความทนทาน และมีความยืดหยุ่นสูง เมื่อกระทบกับน้ำและสภาพอากาศต่างๆ อยู่ตลอดเวลา จึงไม่เกิดการผุกร่อนหรือแตกหักได้ง่าย ช่วยให้คงสภาพรางน้ำได้ตลอดการใช้งาน สามารถยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น
นอกจากคุณสมบัติที่เหนือกว่าแล้ว รางน้ำฝน iR-uPVC จาก VG ยังมีราคาน้ำฝนอยู่ที่ 650-850 บาท/เมตร ที่ให้ความคุ้มค่ามากเมื่อเทียบกับรางน้ำแบบอื่นๆ หากสนใจรางน้ำฝน iR-uPVC จาก VG มีให้เลือกความคุ้มค่าที่เหมาะกับบ้านของคุณถึง 3 รุ่น คือ รุ่น PRIMO รุ่น FIRST R2 และ รุ่น EZY สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
สามารถปรึกษา VG ได้ตามช่องทางต่างๆ ด้านล่าง
โทร.: 087-654-7788, 080-744-7799, 063-271-7711 (ENG)
อีเมล: info@mycnpgroup.com
LINA OA: @vg-cnpFacebook: VG รางน้ำและหลังคาไวนิล