ประเทศไทยประกอบไปด้วย 3 ฤดู ได้แก่ ฤดูหนาว ฤดูร้อน และฤดูฝน ซึ่งฤดูฝนมีระยะเวลายาวนานกว่า 5 เดือนครึ่ง ทำให้การออกแบบหรือสร้างบ้านจำเป็นต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของบ้านที่อาจได้รับผลกระทบจากน้ำฝน โดยเฉพาะปัญหาการรั่วซึมของน้ำซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหาต่างๆ ภายในบ้าน
ในบทความนี้ VGandHome จะมาแนะนำวิธีออกแบบบ้านให้สามารถรับมือกับน้ำฝน และการใช้รางน้ำช่วยลดความเสียหายในบ้านได้อย่างไร ให้ผู้ที่กำลังวางแผนสร้างบ้านนำวิธีต่างๆ ไปปรับใช้กับบ้านของท่าน
1.หลังคาบ้าน
เกราะกำบังอย่างแรกที่จะช่วยให้ตัวบ้านปลอดภัยจากความร้อนและน้ำฝน คือ “หลังคา” ซึ่งรูปแบบหลังคาที่ได้รับความนิยมมาก คือ หลังคาทรงกึ่งปั้นหยากึ่งจั่ว ซึ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันลม แดด และฝนได้ทุกด้านของบ้าน นอกจากนี้ หลังคาทรงดังกล่าวยังมีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ ให้อารมณ์ความคลาสสิกและร่วมสมัยกับตัวบ้านอีกด้วย
2.ระยะชายคา
ชายคาเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยในการป้องกันฝนสาดใส่ตัวบ้าน ซึ่งระยะชายคาที่เหมาะกับสภาพอากาศแบบร้อนชื้นของประเทศไทย คือ 1.00 - 1.20 เมตร โดยเป็นระยะชายคามาตรฐานที่สามารถป้องกันฝนได้ และไม่สร้างปัญหาในการรับน้ำหนักให้กับโครงสร้างของตัวบ้าน แต่การเสริมโครงสร้างเพื่อยืดระยะชายคาให้มากกว่า 1.20 เมตร เป็นอีกตัวเลือกที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันแดดและฝนให้ดียิ่งขึ้นได้ ดังนั้นควรเสริมโครงสร้างเพื่อยืดระยะชายขา เพื่อประสิทธิภาพในการป้องกันที่ดียิ่งขึ้น
3.ฟาซาด
หลังคาทรงกึ่งปั้นหยากึ่งจั่วหรือการยืดระยะชายคาให้มากขึ้น อาจทำให้ดีไซน์ของบ้านที่ต้องการออกมาไม่ถูกใจเท่าไหร่นัก มีอีกสิ่งหนึ่งจะมาช่วยกลบข้อเสียเหล่านั้นได้นั่น คือ “ฟาซาด” หรือเปลือกด้านนอกของบ้าน นอกจากความสวยงามที่ได้รับจากฟาซาดแล้ว ตัวฟาซาดยังสามารถป้องกันตัวบ้านจากฝนและแดดได้อีกด้วย สามารถเลือกติดตั้งให้กับบ้านในทิศที่ต้องการเพียงเท่านี้ก็สามารถป้องกันตัวบ้านจากน้ำฝนได้แล้ว และถ้าหากเลือกฟาซาดชนิด Double-Skin ก็จะช่วยลดความร้อนและระบายอากาศให้กับบ้านได้ดีกว่าฟาซาดปกติ
4.ปลูกต้นไม้
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า หากปลูกต้นไม้อย่างถูกวิธีจะสามารถช่วยป้องกันฝนสาดและรักษาหน้าดินรอบบ้านได้ สำหรับวิธีการปลูกต้นไม้ให้สามารถป้องกันปัญหาจากลมฝนนั้นจำเป็นต้องเลือกพรรณไม้ที่มีความสูงหลายระดับมาปลูกรวมกันเพื่อป้องกันฝนจากทุกทิศทาง เช่น ต้นมะฮอกกานี (ไม้ยืนต้น) ต้นไทรเกาหลี (ไม้พุ่มสูง) ต้นลิ้นมังกร (ไม้พุ่มเตี้ย) และสำหรับการรักษาหน้าดินก็ควรปลูกเป็นไม้คลุมดิน เช่น คุณนายตื่นสาย แว่นแก้ว และแดงชาลี เป็นต้น ฉะนั้นในการวางแผนออกแบบบ้าน ขอแนะนำให้เว้นพื้นที่เอาไว้สำหรับทำเป็นสวน หรือปลูกต้นไม้
5.รางน้ำฝน
เรียกได้ว่าเป็นส่วนสำคัญของบ้านในการป้องกันฝนตก ซึ่งรางน้ำฝนทำหน้าที่รองรับน้ำฝนที่ไหลจากแนวชายคาไปยังท่อหรือโซ่ระบายน้ำฝนลงไปยังจุดที่กำหนดไว้ เพียงเท่านี้ก็สามารถป้องกันฝนที่ตกลงมาไม่ให้กระทบหน้าดินหรือกระเซ็นโดนกำแพงบ้าน ในปัจจุบันรางน้ำมีรูปแบบที่หลากหลายแบบเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างของผู้ใช้งานแต่ละคน โดยแบ่งประเภทตามวัสดุได้ 5 ประเภท ได้แก่
1.รางน้ำฝนสังกะสี
รางน้ำฝนสังกะสี เป็นรางน้ำที่มีราคาถูกที่สุดในตลาด ติดตั้งง่าย สามารถตัดหรือพับขึ้นรูปตามแบบและขนาดที่ต้องการ อย่างไรก็ตาม รางน้ำฝนสังกะสีมีข้อเสีย คือ ผุพังง่าย บริเวณรอยต่อหรือรอยเชื่อมสามารถเกิดสนิมขึ้นได้ง่าย ส่งผลให้เกิดการรั่วซึมของน้ำฝนเข้าสู่ตัวบ้านได้
2.รางน้ำฝนอะลูมิเนียม
รางน้ำฝนอะลูมิเนียม มีความทนทานสูง น้ำหนักเบา สามารถพ่นหรือชุบสีเพื่อให้ได้สีที่ต้องการได้ สามารถดัดแปลงรูปร่างได้ง่ายกว่าประเภทอื่น ข้อเสีย คือ สามารถเกิดสนิมได้และไม่ทนทานต่อการกัดกร่อนทำให้มีโอกาสที่รางน้ำฝนอะลูมิเนียมจะสึกหรอหรือเป็นรูได้
3.รางน้ำฝนสเตนเลส
รางน้ำฝนสเตนเลส เป็นหนึ่งในวัสดุที่ได้รับความนิยม มีความทนทานสูง ทนต่อแสงแดดแรงจัดได้ดี ข้อเสีย คือ ติดตั้งยาก จำเป็นต้องใช้ช่างที่เชี่ยวชาญในการดำเนินการ เพราะจำเป็นต้องใช้วิธีเชื่อมเหล็กในการยึดรางน้ำฝนไว้ด้วยกัน
4.รางน้ำฝนไฟเบอร์กลาส
รางน้ำฝนไฟเบอร์กลาส ทำจากวัสดุสังเคราะห์จากใยแก้ว ทำให้วัสดุมีความทนทานสูง ไม่เป็นสนิม และทนต่อการกัดกร่อน ข้อเสีย คือ เป็นวัสดุที่มีต้นทุนในการผลิตสูง ราคาต่อเมตรสูงกว่าวัสดุประเภทอื่นๆ รางน้ำฝนไฟเบอร์กลาสจึงไม่เป็นที่นิยมในครัวเรือน ถูกใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรมเป็นหลัก
5.รางน้ำฝน uPVC หรือ รางน้ำฝนไวนิล
รางน้ำฝนไวนิล ผลิตจากพอลิเมอร์สังเคราะห์ เป็นรางน้ำฝนสำเร็จรูปที่หาซื้อได้สะดวก ติดตั้งง่ายสามารถติดตั้งเองได้ แข็งแรง ไม่เป็นสนิม น้ำหนักเบา ทนต่อสภาพแวดล้อมได้ดี สีสันสวยงามมีให้เลือกหลายสี และเหมาะกับการนำไปตกแต่งภายนอกมากที่สุด
เพียงเท่านี้ บ้านของคุณก็จะผ่านหน้าฝนไปได้อย่างปลอดภัย และหากใครที่กำลังออกแบบบ้าน และต้องการรางน้ำฝนไวนิลคุณภาพระดับโลก พร้อมตอบโจทย์การใช้งานและเข้ากับดีไซน์บ้านทุกสไตล์ เราขอแนะนำรางน้ำฝนไวนิล VG
ขอแนะนำรางน้ำฝนไวนิลจาก VG
รางน้ำฝนไวนิล วีจี เป็นรางน้ำฝนที่ VG คิดค้นออกแบบยกระดับไวนิลให้เหนือกว่าไวนิลทั่วไปด้วยนวัตกรรม iR-uPVC ลิขสิทธ์เฉพาะของวีจี เป็นเนื้อพลาสติกไวนิลที่มีคุณสมบัติพิเศษ และมีการใช้ส่วนผสมทางเคมีภัณฑ์ที่มีคุณภาพชั้นนำเกรดระดับโลก คุณภาพการผลิตสินค้า วีจี จะใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ด้วยคุณสมบัติที่ตอบโจทย์การใช้งานในทุกด้าน ทั้งความทนทานต่อทุกสภาพอากาศ มีความยืดหยุ่นสูง ไม่แตกหักง่าย ไม่เกิดสนิม และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากกว่า 15 ปี พร้อมด้วยคุณสมบัติการปกป้องวัสดุที่ให้มากกว่าถึง 2 ชั้น
- ชั้นที่ 1 การปกป้องภายนอก (Outer Layer) ด้วยการเคลือบพิเศษด้วยสี Dupont สีจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก มีคุณสมบัติ Infrared Reflective ที่สามารถสะท้อนรังสี UV จากแสงแดดได้มากถึง 3 เท่า จึงไม่ทำให้เกิดสนิม ทั้งยังลดปัญหาอากาศร้อนบริเวณใต้ชายคาและช่วยลดความร้อนให้กับตัวบ้านได้อีกด้วย
- ชั้นที่ 2 การปกป้องภายใน (Inner Layer) ด้วยคุณสมบัติที่เน้นความแข็งแรงทางโครงสร้าง ความทนทานและมีความยืดหยุ่นสูง เมื่อกระทบกับน้ำและสภาพอากาศต่างๆ อยู่ตลอดเวลา จึงไม่เกิดการผุกร่อนหรือแตกหักได้ง่าย ช่วยให้คงสภาพรางน้ำได้ตลอดการใช้งาน สามารถยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น
มั่นใจมากกว่าเดิมด้วยการผ่านการทดสอบ Weather Testing จากประเทศเยอรมัน และยังตอบโจทย์เรื่องดีไซน์เพราะรางน้ำฝนไวนิล VG มีให้เลือกถึง 4 รุ่น 4 สไตล์ คือ
- รุ่น EZY เหมาะกับสไตล์บ้าน Semi-modern
- รุ่น PRIMO เหมาะกับสไตล์บ้าน Modern
- รุ่น FIRST R2 เหมาะกับสไตล์บ้าน Classic
- รุ่น COSMO XL 350 ไซส์ใหญ่ เหมาะสำหรับโรงงาน
อีกทั้งยังเป็นรางน้ำฝนไวนิลสำเร็จรูปที่ติดตั้งง่ายสามารถทำเองก็ได้ หากสนใจรางน้ำฝนไวนิล VG สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
สามารถสอบถามราคารางน้ำฝน และปรึกษา VG ผ่านช่องทางต่างๆ ด้านล่าง
โทร.: 087-654-7788, 063-271-7711 (ENG)
อีเมล: info@mycnpgroup.com
LINA OA: @vg-cnp
Facebook: VG รางน้ำและหลังคาไวนิล