ในประเทศไทย พอถึงหน้าฝนเมื่อไหร่ หลายบ้านก็มักจะมีปัญหาน้ำฝนกระเซ็นโดนผนัง กำแพง หรือฝนตกหนัก ส่งผลให้น้ำที่ไหลจากหลังคาสร้างความเสียหายต่อหน้าดินและสวนโดยรอบ แต่เชื่อว่าหลายคนก็คงทราบกันดีแล้วว่ารางน้ำฝนสามารถช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ โดยการควบคุมทิศทางการสาดเทของน้ำฝน ไม่ให้กระเด็นกระดอน และเพิ่มความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้าน
ทั้งนี้ ในการติดตั้งรางน้ำฝนสวยๆ ให้เข้ากับดีไซน์ของบ้านก็ต้องคำนึงถึง “ความสามารถในการระบายน้ำ” ซึ่งแบบรางน้ำฝนส่งผลโดยตรงต่อเรื่องนี้ ดังนั้น มาดูกันว่ารูปแบบรางน้ำฝนนั้นมีผลต่อการระบายน้ำอย่างไรบ้าง
เพียงรางน้ำฝนสวยๆ อาจไม่พอ ต้องมีลักษณะเหมาะสมด้วย
สำหรับใครที่ได้ลองทำการค้นหารางน้ำฝนตามร้านค้าวัสดุหรือเว็บไซต์ต่างๆ คงอาจจะได้เห็นแล้วว่าทุกวันนี้มีรูปแบบรางน้ำฝนให้เลือกมากมาย โดยเฉพาะรางน้ำฝน PVC ที่ผลิตขึ้นแบบสำเร็จรูป ทำให้มีรูปทรงต่างๆ ที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม รางน้ำฝนที่ระบายน้ำฝนได้ดี ควรมีรูปร่างเป็นรูป “ป. ปลา” โดยขอบด้านหลังที่ติดกับเชิงชายควรสั้นกว่าด้านหน้า เพื่อให้สามารถรองรับน้ำที่ไหลจากหลังคาได้ เพราะถ้าขอบด้านหน้าตื้นเกินไป จะส่งผลให้น้ำล้นไหลย้อนเข้าเชิงชายและฝ้าเพดาน สร้างความเสียหายให้กับตัวบ้านได้ ซึ่งรางน้ำบางรุ่น ก็อาจมีขอบรางน้ำที่สูงเป็นพิเศษ ช่วยป้องกันน้ำฝนจากหลังคากระเด็นออกนอกรางน้ำ หรือบางรุ่นได้รับการออกแบบให้สามารถระบบน้ำได้รวดเร็วกว่า ตอบโจทย์บ้านที่อยู่ในพื้นที่ที่ฝนตกบ่อยๆ
เลือกใช้รางน้ำฝนที่มีขนาดเหมาะสมกับหลังคา
ขนาดของหลังคานั้นเป็นหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่อปริมาณน้ำฝนที่ไหลลงมาสู่รางน้ำ ยิ่งหลังคามีขนาดใหญ่มากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งมีน้ำไหลลงมามากขึ้นเท่านั้น พอทราบแบบนี้แล้ว ในการเลือกแบบรางน้ำฝน จึงควรเลือกให้สัมพันธ์กับขนาดของหลังคาบ้านด้วย เพื่อไม่ให้น้ำล้นออกมาจากรางนั่นเอง โดยขนาดที่เหมาะสมสามารถแบ่งได้ ดังนี้
- หลังคาที่มีความยาวไม่เกิน 5 เมตร เหมาะสำหรับติดตั้งรางน้ำฝนขนาด 4 นิ้ว
- หลังคาที่มีความยาวระหว่าง 5-15 เมตร เหมาะสำหรับติดตั้งรางน้ำฝนขนาด 5 นิ้ว
- หลังคาที่มีความยาวมากกว่า 15 เมตรขึ้นไป เหมาะกับรางน้ำฝนขนาด 6 นิ้ว
ทั้งนี้ บ้านแต่ละหลังก็มีดีไซน์ที่ไม่ซ้ำกัน หากเจ้าของบ้านไม่แน่ใจว่าควรเลือกรางน้ำที่ขนาดเท่าไหร่ ก็สามารถปรึกษาผู้รับเหมาหรือช่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวัดขนาดหลังคาและเลือกรางน้ำฝนที่ใช่
นอกจากนี้ ต้องไม่ลืมที่จะคำนึงถึงจุดปล่อยน้ำด้วย ว่าต้องการระบายน้ำไปยังจุดใดของบ้าน ซึ่งหากเป็นสมัยก่อนเรานิยมติดรางน้ำฝนกัน เพื่อรองน้ำฝนมากักเก็บไว้ใช้ในอาการอุปโภค-บริโภค แต่ในปัจจุบัน ที่น้ำฝนมักมาพร้อมกับมลพิษในอากาศ เจ้าของบ้านอาจเลือกที่จะต่อท่อรางน้ำฝนลงสู่ท่อระบายน้ำแทน
การสั่งทำรางน้ำฝนแบบพิเศษ
ในบางกรณี รางน้ำฝนสำเร็จรูปอาจไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของบ้านบางหลัง เช่น บ้านที่มีการต่อเติมในภายหลัง ทำให้มีขนาดหลังคาที่ไม่ตรงกับมาตรฐาน หรือบางคนอาจมีบ้านที่ติดกับเพื่อนบ้านมากเกินไป การติดตั้งหลังคาเพิ่มเติมจึงอาจเป็นการรุกล้ำอนาเขตเพื่อนบ้าน จนเกิดการฟ้องร้องได้นั่นเอง
โดยรางน้ำฝนแบบสั่งทำพิเศษ อาจะเป็นรางน้ำฝนแบบซ่อนที่มักติดตั้งกับบ้านหรืออาคารที่มีขนาดใหญ่ เพื่อลดแรงเทจากความลาดชันของหลังคา โดยใช้วิธีการแบ่งหลังคาออกเป็น 2 ช่วง กั้นด้วยรางน้ำฝนที่ทำจากคอนกรีตเสริมเหล็ก หรือรางน้ำสแตนเลส รวมถึงมีการทายาแนวกันซึม เพื่อไม่ให้น้ำฝนไหลเข้าไปภายในบ้านนั่นเอง
ส่วนใครที่มีบ้านติดกันกับเพื่อนบ้าน ก็ขอแนะนำให้ติดตั้ง “แผ่นปิดครอบหรือแฟลชชิ่ง (Flashing)” สำหรับปิดรอยต่อระหว่างหลังคากันสาดกับผนังบ้าน หรือลองขอความร่วมมือกับเพื่อนบ้าน ติดรางน้ำฝนตรงกลางระหว่างหลังคา 2 ฝั่ง ใช้รางน้ำฝนร่วมกันไปเลย
ตะแกรงรางน้ำ สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
เมื่อได้ติดตั้งรางน้ำฝนที่มีขนาดสัมพันธ์กับหลังคาบ้าน ไม่เกิดปัญหากับเพื่อนบ้าน และระบายน้ำได้ตามต้องการแล้ว แต่อีกหนึ่งปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้ก็คือ การอุดตัน จากสิ่งสกปรกที่มากับน้ำฝน รวมไปถึงเศษใบไม้ที่ร่วงหล่นลงมา ส่งผลให้รางน้ำระบายได้ช้าลงหรือหากท่อมีการอุดตันมาก ก็อาจไม่สามารถระบายน้ำได้เลย ซึ่งในช่วงแรกอาจไม่พบปัญหานี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานๆ การอุดตันนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ ทำให้เจ้าของบ้านต้องปวดหัวอย่างแน่นอน
ดังนั้น ตะแกรงรางน้ำ จึงเป็นหนึ่งอุปกรณ์เสริมที่เจ้าของบ้านควรติดตั้งพร้อมกับรางน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้เศษสิ่งสกปรกต่างๆ เข้าไปอุดตันรางน้ำ ป้องกันไม่ให้นกทำรังในราง และยังช่วยให้เจ้าของบ้านไม่ต้องทำความสะอาดรางน้ำบ่อยๆ ด้วย
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเรื่องเบื้องต้นที่เกี่ยวกับการระบายน้ำของรางน้ำ ที่เจ้าของบ้านคนไหนกำลังวางแผนติดตั้งรางน้ำใหม่ให้กับบ้านตัวเอง ต้องคำนึงเอาไว้ให้ดี เพื่อที่จะสามารถตามมารางน้ำที่ตอบโจทย์ที่สุด
สนใจรางน้ำไวนิล ต้องรางน้ำ VG
รางน้ำฝน VG คือ รางน้ำไวนิลที่ผลิตจากนวัตกรรม iR-uPVC พลาสติกคุณสมบัติพิเศษ จากการใช้ส่วนผสมเคมีภัณฑ์คุณภาพชั้นนำระดับโลก ที่เป็นเทคโนโลยีเฉพาะของ VG และผ่านการผลิตโดยเครื่องจักรที่ทันสมัย ด้วยคุณสมบัติที่ตอบโจทย์การใช้งานในทุกด้าน ทั้งความทนทานต่อทุกสภาพอากาศ มีความยืดหยุ่นสูง ไม่แตกหักง่าย ไม่เกิดสนิม และึมีอายุการใช้งานที่ยาวนานถึง 15 ปี พร้อมด้วยคุณสมบัติการปกป้องวัสดุที่ให้มากกว่าถึง 2 ชั้น
- ชั้นที่ 1 การปกป้องภายนอก (Outer Layer) ด้วยการเคลือบพิเศษด้วยสี Dupont สีจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก มีคุณสมบัติ Infrared Reflective ที่สามารถสะท้อนรังสี UV จากแสงแดดได้มากถึง 3 เท่า จึงไม่ทำให้เกิดสนิม ทั้งยังลดปัญหาอากาศร้อนบริเวณใต้ชายคาและช่วยลดความร้อนให้กับตัวบ้านได้อีกด้วย
- ชั้นที่ 2 การปกป้องภายใน (Inner Layer) ด้วยคุณสมบัติที่เน้นความแข็งแรงทางโครงสร้าง ความทนทานและมีความยืดหยุ่นสูง เมื่อกระทบกับน้ำและสภาพอากาศต่างๆ อยู่ตลอดเวลา จึงไม่เกิดการผุกร่อนหรือแตกหักได้ง่าย ช่วยให้คงสภาพรางน้ำได้ตลอดการใช้งาน สามารถยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น
มั่นใจมากกว่าเดิมด้วยการผ่านการทดสอบ Weather Testing จากประเทศเยอรมัน และยังตอบโจทย์เรื่องดีไซน์เพราะรางน้ำ VG มีให้เลือกถึง 3 รุ่น 3 สไตล์ คือ รุ่น PRIMO รุ่น FIRST R2 และรุ่น EZY หากสนใจรางน้ำ VG สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
สามารถสอบถามราคารางน้ำฝน และปรึกษา VG ผ่านช่องทางต่างๆ ด้านล่าง
โทร.: 087-654-7788, 080-744-7799, 063-271-7711 (ENG)
อีเมล: info@mycnpgroup.com
LINA OA: @vg-cnp
Facebook: VG รางน้ำและหลังคาไวนิล