รางน้ำกับหลังคา มักมาเป็นของคู่กันเสมอเมื่อสร้างหรือซื้อบ้าน และแน่นอนว่าทั้งคู่เป็นส่วนประกอบของบ้านที่สำคัญ ทั้งในการออกแบบตกแต่งบ้านให้สวยงาม และการป้องกันบ้านจากน้ำฝน แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อเกิดปัญหาหรือการชำรุด เจ้าของบ้านหลายคนอาจสนใจหลังคาหรือกันสาดมากกว่า และลืมคำนึงถึงรางน้ำที่ชำรุด จนอาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ในระยะยาวได้
ดังนั้น เมื่อรางน้ำชำรุดเราต้องรับมืออย่างไรดี? ซ่อมรางน้ำด้วยตัวเองได้ไหม? มาหาคำตอบในการรับมือปัญหารางน้ำฝนที่พบเห็นได้บ่อยๆ กันในบทความนี้กับ VG ได้เลย
ปัญหารางน้ำฝนชำรุดที่พบเห็นได้บ่อย
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่รางน้ำชำรุดสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนั้นก่อนที่จะเริ่มซ่อมบำรุง เราจำเป็นต้องรู้ถึงสาเหตุที่แน่ชัดเสียก่อน ซึ่งปัญหาที่เราสามารถพบเห็นได้บ่อยๆ ได้แก่
1. เกิด “รูรั่ว” ตามรางน้ำฝน
ปัญหารูรั่วเป็นปัญหาที่สามารถพบได้บ่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงที่สภาพอากาศรุนแรง มีพายุฝนตกหนัก ซึ่งอาจจะพัดสิ่งสกปรกหรือกิ่งไม้ลงสู่รางน้ำฝนได้ ส่งผลให้รางน้ำเป็นรู และฝนตกที่ตกหนักอาจทำให้รางน้ำถูกกัดกร่อน เกิดรอยแตกร้าว หรือเกิดสนิมจนเกิดความเสียหายในที่สุด ซึ่งทั้งหมดล้วนสามารถทำให้รางน้ำชำรุด และใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเท่าที่ควร
การเกิดรูรั่วนั้นสามารถพบเห็นได้บ่อยกับรางน้ำฝนที่ทำมาจากโลหะ อาทิ สังกะสี สแตนเลส หรือแม้แต่อลูมิเนียม ซึ่งนอกจากรูรั่วแล้ว รอยต่อที่เกิดจากการเชื่อมรางน้ำก็อาจเสื่อมสภาพไปด้วยเช่นกัน
แก้ปัญหารูรั่วตามรางน้ำฝนได้อย่างไร?
เมื่อเกิดปัญหานี้เกิดขึ้น แนะนำให้ใช้ซิลิโคนหรือยาแนวเพื่อทำการอุดรอยรั่วตามจุดต่างๆ ก่อนที่ความชื้นจะสะสมและก่อให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเพิ่มขึ้น แต่หากมีรอยรั่วหรือสนิมจำนวนมาก ก็ควรให้ช่างผู้ชำนาญเข้ามาซ่อมแซมหรือเปลี่ยนรางน้ำฝน
2. ตะขอรางน้ำฝนแตกร้าวหรือหัก
ตะขอรางน้ำฝนถือเป็นส่วนประกอบสำคัญที่จะทำหน้าที่ในการยึดรางน้ำให้อยู่กับที่ และเป็นส่วนที่รับน้ำหนักของน้ำฝนที่ตกลงมาจากหลังคา ซึ่งแม้จะไม่ได้เป็นส่วนที่โดนน้ำฝนโดยตรง แต่ก็สามารถเกิดการชำรุดได้เช่นกัน จากหลายสาเหตุ เช่น การที่มีน้ำฝนขังอยู่ในรางปริมาณมาก จนตะขอรับน้ำหนักไม่ไหวและแตกหรือหักในที่สุด อีกหนึ่งสาเหตุคือ การวางตำแหน่งตะขอ ซึ่งหากติดตั้งตะขอห่างกันมากเกินไป หรือในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสมกับขนาดของรางน้ำ ก็อาจทำให้ตะขอรับภาระหนักเกินไปเช่นกัน และสาเหตุพี่พบได้บ่อยๆ ก็คือ สิ่งสกปรกหรือเศษขยะไหลเข้ามาอุดตันรางน้ำ และเมื่อสะสมไปมากๆ ก็อาจทำให้ตะขอรางน้ำฝนเกิดหักได้ รางน้ำก็อาจจะตกลงมาสร้างความเสียหายให้แก่ตัวบ้านได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
แก้ปัญหาตะขอรางน้ำฝนแตกร้าวหรือหักได้อย่างไร?
เมื่อตะขอรางน้ำเกิดแตกหรือหักไปแล้ว การติดตั้งตะขอใหม่ก็ดูเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด นอกจากนี้เพื่อความแข็งแรงและรับน้ำหนักได้ดี ควรติดตั้งตะขอโดยเว้นระยะห่างให้เหมาะสม เช่น หากเป็นรางน้ำฝนไวนิล ก็ควรติดตั้งตะขอไว้ทุกๆ 50-55 เซนติเมตร และไม่ควรเกิน 60 เซนติเมตร หรือติดตั้งในใกล้กับรอยต่อที่สุด นอกจากนี้ สามารถติดตั้งตะขอกับทั้งมุมในและมุมนอก เพื่อเสริมความแข็งแรงให้มากขึ้น ทั้งนี้ ต้องคำนึงไว้ว่าในการติดตั้งตะขอใหม่อาจจำเป็นต้องถอดรางน้ำฝนออกก่อน ดังนั้นหากเจ้าของบ้านต้องการทำเอง ก็ควรมีผู้ช่วย หรือเลือกให้ช่างผู้มีประสบการณ์เข้ามาดูแลดีกว่า
3. สิ่งสกปรกและกิ่งไม้ใบไม้อุดตันรางน้ำฝน
อีกหนึ่งปัญหาที่สร้างความกวนใจให้เจ้าของบ้านหลายๆ คนไม่น้อย ก็คงหนีไม่พ้นการที่มีสิ่งสกปรกหรือเศษกิ่งไม้ใบไม้เข้ามาอุดตันรางน้ำ ไม่ว่าจะด้วยเศษขยะที่ปลิวมาพร้อมกับแรงลม หรือใบไม้กิ่งไม้จากต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ตกลงมาสู่หลังคาและไหลลงรางน้ำในที่สุด ซึ่งในช่วงแรกอาจจะไม่ได้ส่งผลต่อประสิทธิภาพของการระบายน้ำมากนัก แต่หากสิ่งสกปรกสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ ก็อาจทำให้น้ำระบายออกไปไม่ได้ ส่งผลให้เกิดเหตุการณ์น้ำล้นออกจากรางและตกสู่พื้น กระเซ็นเข้าสู่ผนังบ้านหรือต้นไม้รอบบ้าน
แก้ปัญหาสิ่งสกปรกและกิ่งไม้ใบไม้อุดตันได้อย่างไร?
การแก้ปัญหานี้ที่ง่ายที่สุดและทำได้เองก็คือการทำความสะอาด โดยเจ้าของบ้านสามารถใช้บันไดปีนขึ้นไปเพื่อนำสิ่งสกปรกออกจากรางน้ำ แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นวิธีการแก้ปัญหาในระยะสั้นๆ เท่านั้น สำหรับใครที่ต้องการที่จะแก้ไขปัญหานี้ในระยะยาว เจ้าของบ้านสามารถติดตั้งตะแกรงเพิ่มได้เช่นกัน เพื่อป้องกันรางน้ำจากใบไม้ เศษสิ่งสกปรก รวมไปถึงยังป้องกันนกไม่ให้เข้ามาทำรังได้อีกด้วย ทำให้ไม่จำเป็นต้องสละเวลามาทำความสะอาดบ่อยๆ ช่วยยืดอายุการใช้งานของรางน้ำฝนได้เป็นอย่างดี
ทั้งหมดนี้ก็เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยๆ กับรางน้ำฝน พร้อมวิธีการรับมือปัญหาแต่ละอย่างแบบเบื้องต้น อย่างไรก็ตาม หากเจ้าของบ้านขาดความชำนาญก็ควรปรึกษาช่างผู้มีความชำนาญให้เข้ามาติดตั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าจะปลอดภัยและดูแลรักษาได้อย่างถูกต้อง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เพื่อลดและป้องกันปัญหาไม่ให้เกิดขึ้น การติดตั้งรางน้ำฝนคุณภาพดี ก็เป็นอีกหนึ่งทางป้องกันปัญหาที่ดี และหากเจ้าของบ้านท่านใดที่กำลังมองหารางน้ำฝนไวนิล สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอย่าง VG ได้แล้ววันนี้
เลือกติดรางน้ำฝนไวนิลจาก VG คุ้มค่าสุดสำหรับทุกบ้าน
รางน้ำฝน VG คือ รางน้ำไวนิลที่พิเศษไม่เหมือนใคร เพราะผลิตจากนวัตกรรม iR-uPVC พลาสติกคุณสมบัติพิเศษ จากการใช้ส่วนผสมเคมีภัณฑ์คุณภาพชั้นนำระดับโลก ที่เป็นเทคโนโลยีเฉพาะของ VG และผ่านการผลิตโดยเครื่องจักรที่ทันสมัย ด้วยคุณสมบัติที่ตอบโจทย์การใช้งานในทุกด้าน ทั้งความทนทานต่อทุกสภาพอากาศ มีความยืดหยุ่นสูง ไม่แตกหักง่าย ไม่เกิดสนิม และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานถึง 15 ปี พร้อมด้วยคุณสมบัติการปกป้องวัสดุที่ให้มากกว่าถึง 2 ชั้น
- ชั้นที่ 1 การปกป้องภายนอก (Outer Layer) ด้วยการเคลือบพิเศษด้วยสี Dupont สีจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก มีคุณสมบัติ Infrared Reflective ที่สามารถสะท้อนรังสี UV จากแสงแดดได้มากถึง 3 เท่า จึงไม่ทำให้เกิดสนิม ทั้งยังลดปัญหาอากาศร้อนบริเวณใต้ชายคาและช่วยลดความร้อนให้กับตัวบ้านได้อีกด้วย
- ชั้นที่ 2 การปกป้องภายใน (Inner Layer) ด้วยคุณสมบัติที่เน้นความแข็งแรงทางโครงสร้าง ความทนทานและมีความยืดหยุ่นสูง เมื่อกระทบกับน้ำและสภาพอากาศต่างๆ อยู่ตลอดเวลา จึงไม่เกิดการผุกร่อนหรือแตกหักได้ง่าย ช่วยให้คงสภาพรางน้ำได้ตลอดการใช้งาน สามารถยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น
มั่นใจมากกว่าเดิมด้วยการผ่านการทดสอบ Weather Testing จากประเทศเยอรมัน และยังตอบโจทย์เรื่องดีไซน์เพราะรางน้ำ VG มีให้เลือกถึง 3 รุ่น 3 สไตล์ คือ รุ่น PRIMO รุ่น FIRST R2 และ รุ่น EZY หากสนใจรางน้ำ VG สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
สามารถสอบถามราคารางน้ำฝน และปรึกษา VG ผ่านช่องทางต่างๆ ด้านล่าง
โทร.: 087-654-7788, 080-744-7799, 063-271-7711 (ENG)
อีเมล: info@mycnpgroup.com
LINA OA: @vg-cnp
Facebook: VG รางน้ำและหลังคาไวนิล