สำหรับใครที่กำลังลังเลหรือไม่แน่ใจว่าจะติดตั้งรางน้ำฝนดีหรือไม่? เชื่อว่าหลายคนอาจจะเลือกไม่ติดรางน้ำ ด้วยเหตุผลที่ว่าต้องประหยัดงบประมาณในการสร้างบ้านหรืออาคารลง แต่รู้หรือไม่ว่าเจ้ารางน้ำฝนนี้ ถือเป็นส่วนสำคัญไม่แพ้กับส่วนอื่นๆ ของบ้านเลยทีเดียว เพราะถ้าหากปราศจากรางน้ำฝน เมื่อเข้าฤดูฝนแล้วก็จะพบว่าบ้านของเราประสบกับปัญหาต่างๆ มากกว่าที่คิดไว้เสียอีก และจะทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายไปกับการแก้ไขปัญหาที่ไม่มีวันจบสิ้น
บทความนี้ VG จะพามาส่อง 5 ปัญหาใหญ่ที่บ้านจะต้องเจอ หากไม่ได้ทำการติดตั้ง “รางน้ำฝน” พร้อมกับข้อแนะนำก่อนการเลือกติดตั้งรางน้ำฝนว่า ควรจะต้องคำนึงถึงปัจจัยอะไรบ้าง เพื่อให้ได้รางน้ำฝนที่ตอบโจทย์ มีคุณภาพ และคุ้มค่าในการลงทุนมากที่สุด
ทำไมถึงควรติดตั้งรางน้ำฝนกับตัวบ้าน?
อย่างที่ได้เกริ่นไปว่าหลายๆ คนคงจะกำลังลังเลใจกับการติดตั้งรางน้ำฝนกันอยู่ เพราะอาจกลัวว่าจะเปลืองงบการแต่งบ้าน ซึ่งหากใครที่เป็นคนรักบ้านและไม่อยากกุมขมับในภายหลัง ต้องบอกเลยว่าการตัดสินใจลงทุนติดรางน้ำฝนนั้นสามารถช่วยได้ และยิ่งถ้าเป็นสภาพอากาศแบบในประเทศเรายิ่งจำเป็นต้องติด เพราะไม่ได้มีแต่ปัญหาความร้อนจากแสงแดดเพียงอย่างเดียว แต่ฝนและความชื้นก็เป็นหนึ่งในตัวการเจ้าปัญหาเช่นกัน เมื่อเข้าฤดูฝนแล้วถ้าบ้านไม่มีรางน้ำฝนเพื่อรองรับและระบายน้ำอย่างเป็นระบบ แน่นอนว่าสิ่งที่เจ้าของบ้านจะต้องเผชิญนั่นก็คือปัญหาน่าปวดหัวต่างๆ ที่จะตามมามากกว่าที่คิด
แต่หากเลือกที่จะติดตั้งรางน้ำฝนที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับบ้าน เช่น รางน้ำฝนสำเร็จรูป หรือรางน้ำ VG คือการลงทุนแบบม้วนเดียวจบ เพราะรางน้ำฝนจะเป็นตัวช่วยไม่ให้บ้านต้องเจอกับปัญหาจากน้ำฝน ดีกว่าจะต้องเสียงบประมาณบานปลายไปกับการซ่อมแซมบ้านในภายหลังอย่างแน่นอน
5 ปัญหาที่ต้องเจอเมื่อไม่ติดตั้งรางน้ำฝน!
มาดูกันให้กระจ่างกับปัญหาต่างๆ ที่จะต้องเผชิญ หากบ้านไม่ได้ติดตั้งรางน้ำฝน
1. ปัญหาที่การกัดเซาะและการทรุดตัว
หากไม่ได้ตัดสินใจติดตั้งรางน้ำฝน สิ่งแรกที่เจ้าของบ้านต้องเผชิญนั่นก็คือ ปัญหาน้ำฝนกัดเซาะบริเวณพื้นและตัวบ้าน เพราะเมื่อไม่มีรางน้ำมารองรับและช่วยถ่ายเทน้ำผ่านท่ออย่างเป็นระบบ ฝนที่ตกลงบนหลังคาอย่างรุนแรงจะไหลจากหลังคาและกระเซ็นโดนตัวบ้านโดยตรงเป็นระยะเวลานานต่อเนื่อง จะทำให้พื้นดินและตัวบ้านเกิดการทรุดตัว กำแพงบ้านถูกกัดเซาะ ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้แก่บ้านได้ไม่ใช่น้อยเลย
2. ปัญหาน้ำรั่วซึมเข้าบ้าน
เมื่อไม่มีรางน้ำฝน ก็จะทำให้มีโอกาสเกิดปัญหาการรั่วซึมของน้ำฝนและสิ่งสกปรกเข้ามาในส่วนต่างๆ ของตัวบ้านได้ ซึ่งนั่นจะทำให้เกิดคราบสกปรกต่างๆ ตามบริเวณบ้าน เช่น ผนัง ประตู วงกบ และฝ้าเพดาน และจะทำให้ปัญหาเชื้อราตามมาได้ ที่จะสร้างความเสียหายต่อบ้านทั้งภายในและภายนอกได้
3. ปัญหาค่าใช้จ่ายบานปลายในการซ่อมบำรุง
แน่นอนว่าเมื่อไม่ได้ติดรางน้ำฝนและเกิดปัญหาที่สร้างความเสียหายให้กับบริเวณพื้นและตัวบ้านไม่น้อยแล้ว สิ่งที่จะตามมาก็คือ ค่าใช้จ่ายที่เจ้าของบ้านจะต้องจ่ายเพื่อทำการซ่อมแซมส่วนต่างๆ ของบ้าน ซึ่งเป็นปัญหาทางด้านงบประมาณที่ใครๆ ก็ไม่อยากเจอ ดังนั้นการติดตั้งรางน้ำฝนถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอย่างมากในระยะยาว ที่จะช่วยป้องกันค่าใช้จ่ายบานปลายในอนาคตได้
4. ปัญหาน้ำฝนกระเซ็นเข้าบริเวณบ้านใกล้เคียง
บ้านใครที่ติดอยู่ในบริเวณที่ใกล้เคียงกับบ้านหลังอื่นๆ ด้วยแล้ว การไม่ติดรางน้ำฝนนอกจากจะสร้างเสียหายให้กับบ้านคุณเองแล้ว เพื่อนบ้านก็อาจจะได้รับผลกระทบจากน้ำฝนที่กระเซ็นลงมาด้วยเช่นกัน ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหากระทบกระทั่งกับเพื่อนบ้าน หรือในกรณีที่แย่กว่านั้นคือ เพื่อนบ้านอาจทำการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้เลยทีเดียว ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่น่าปวดหัวและจะต้องคำนึงถึงอย่างยิ่ง เพื่อตัวเองและผู้คนที่อาศัยรอบข้าง
5. ปัญหาสวนในบ้านพัง
สำหรับเจ้าของบ้านที่รักในการทำสวน ข้อนี้อาจเป็นเรื่องที่ทำให้รีบตัดสินใจติดตั้งรางน้ำฝนได้เลย เพราะหากไม่ได้มีรางน้ำฝน ปฏิเสธไม่ได้ว่าสวนสวยๆ ของคุณจะต้องกลายเป็นพื้นที่รับแรงกระแทกจากน้ำฝนอย่างแน่นอน ยิ่งถ้าเป็นบ้านที่มีหลังคาสูงด้วยแล้วก็ยิ่งเพิ่มความรุนแรงของฝนขึ้นไปอีก ซึ่งอาจทำให้เกิดหลุมน้ำขัง ต้นไม้บางสายพันธุ์อาจตายได้ พื้นสนามหญ้าก็อาจเสียหายจากหน้าดินที่ถูกทำลาย เป็นฝันร้ายของคนทำสวนในบ้านอย่างเลี่ยงไม่ได้
เหตุนี้จึงทำให้การติดตั้งรางน้ำฝนนั้น เป็นสิ่งที่จำเป็นมากกว่าที่คิด เพราะสามารถช่วยลดโอกาสในการเกิดปัญหาต่างๆ ที่ได้กล่าวไปได้ และหากเจ้าของบ้านคนไหนไม่อยากมานั่งปวดหัวแก้ปัญหาที่ไม่ควรต้องเจอในอนาคตแล้ว การติดตั้งรางน้ำฝนสามารถช่วยได้อย่างแน่นอน
ทริคการเลือกรางน้ำฝนให้เหมาะกับบ้าน
หากไม่อยากจะเผชิญปัญหาใหญ่น่าปวดหัวเหล่านั้นแล้ว การเลือกติดตั้งรางน้ำฝนให้ตอบโจทย์จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เพื่อช่วยถนอมบ้านและสวนของคุณ แต่ในการเลือกรางน้ำฝนที่ดีก็มีทริคสำคัญที่ควรต้องคำนึงถึงอยู่ด้วย เพื่อให้ได้รางน้ำฝนที่เหมาะกับบ้านมากที่สุด ดังนี้
- งบประมาณ
อย่างแรกคือในเรื่องของงบประมาณ ถ้าใครที่กังวลเรื่องนี้ ก็ต้องบอกว่า จริงๆ แล้วรางน้ำฝนนั้นมีให้เลือกหลากหลายราคาที่ไม่ได้พุ่งสูงขนาดที่ทำให้ต้องสิ้นเปลืองงบโดยใช่เหตุ อย่างรางน้ำฝนสำเร็จรูปที่ผลิตจากไวนิล ซึ่งมีราคาอยู่ในระดับกลางและยังมีความแข็งแรงทนทานมากกว่าหลายๆ วัสดุอีกด้วย
- คุณสมบัติของรางน้ำฝน
อีกสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงคือ คุณสมบัติของวัสดุรางน้ำฝนที่ต้องมีความทนทานต่อการกัดกร่อน ไม่ผุหรือแตกหักง่าย ทนความชื้นและสภาพอากาศได้ดีในทุกรูปแบบ จึงจะคุ้มค่าในการใช้งานได้อย่างยาวนานมากยิ่งขึ้น แนะนำว่าหากต้องการความคุ้มค่า รางน้ำฝนไวนิลถือเป็นวัสดุที่ตอบโจทย์ครบครันที่กล่าวมาเลยทีเดียว
- พื้นที่หลังคา
ควรเลือกขนาดของรางน้ำฝนให้เหมาะสมกับพื้นที่หลังคาบ้าน โดยขนาดรางน้ำมาตรฐานมีให้เลือกตั้งแต่ 4 นิ้ว 5 นิ้ว และ 6 นิ้ว หากหลังคามีพื้นที่เยอะแนะนำให้ใช้ขนาด 5 นิ้วขึ้นไป และถ้ามีความยาวของหลังคามากควรทำการเพิ่มรูระบายน้ำไว้หลายๆ จุด เพื่อเสริมการระบายน้ำให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ก็สามารถขอคำปรึกษาจากผู้จำหน่ายรางน้ำได้เช่นกัน
- การติดตั้งที่สะดวกและง่าย
การติดตั้งที่สามารถทำได้ง่ายและไม่ยุ่งยาก จะช่วยให้การทำงานของรางน้ำฝนมีประสิทธิภาพที่ดี เพราะลดความเสี่ยงที่จะเกิดความผิดพลาดที่อาจก่อให้เกิดปัญหารางรั่วซึมจากรอยต่อได้ อย่างการใช้รางน้ำฝนไวนิล ที่ผลิตออกมาพร้อมติดตั้ง จึงไม่ต้องทำการเชื่อมเหมือนวัสดุโลหะทั่วไป ไม่เกิดปัญหารั่วซึมใดๆ นั่นเอง
- ตอบโจทย์เรื่องดีไซน์ที่หลากหลาย
ในการเลือกรางน้ำฝน สิ่งหนึ่งที่คนรักบ้านจะต้องให้ความสำคัญเลยก็คือดีไซน์ต่างๆ ที่ต้องลงตัว สำหรับรางน้ำฝนที่สามารถตอบโจทย์ข้อนี้ได้ดีที่สุดคงไม่พ้น รางน้ำฝนไวนิลหรือรางน้ำ VG ที่เป็นที่นิยมมากที่สุด เพราะมีสีสันหลากหลายและเข้าได้กับทุกดีไซน์ของบ้านทุกหลังอย่างที่รางน้ำอื่นๆ ไม่สามารถทำได้
อย่าลังเล! เลือกติดรางน้ำ VG ตัวช่วยที่ดีที่สุดสำหรับทุกบ้าน
ถ้าไม่อยากประสบปัญหาจากน้ำฝน อย่าลังเลเลือกที่จะติดตั้งรางน้ำฝนคุณภาพอย่าง รางน้ำ VG ที่ผลิตจากนวัตกรรม iR-uPVC พลาสติกคุณสมบัติพิเศษ จากการใช้ส่วนผสมเคมีภัณฑ์คุณภาพชั้นนำระดับโลก เทคโนโลยีเฉพาะที่ผ่านการผลิตโดยเครื่องจักรที่ทันสมัย ด้วยคุณสมบัติที่ตอบโจทย์การใช้งานในทุกด้านทั้งความทนทานต่อทุกสภาพอากาศ มีความยืดหยุ่นสูง ไม่แตกหักง่าย ไม่เกิดสนิม และมีอายุการใช้งานได้ยาวนานถึง 15 ปี พร้อมด้วยคุณสมบัติการปกป้องวัสดุที่ให้มากกว่าถึง 2 ชั้น
- ชั้นที่ 1 การปกป้องภายนอก (Outer Layer) ด้วยการเคลือบพิเศษด้วยสี Dupont สีจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก มีคุณสมบัติ Infrared Reflective ที่สามารถสะท้อนรังสี UV จากแสงแดดได้มากถึง 3 เท่า จึงไม่ทำให้เกิดสนิม ทั้งยังลดปัญหาอากาศร้อนบริเวณใต้ชายคาและช่วยลดความร้อนให้กับตัวบ้านได้อีกด้วย
- ชั้นที่ 2 การปกป้องภายใน (Inner Layer) ด้วยคุณสมบัติที่เน้นความแข็งแรงทางโครงสร้าง ความทนทาน และมีความยืดหยุ่นสูง เมื่อกระทบกับน้ำและสภาพอากาศต่างๆ อยู่ตลอดเวลา จึงไม่เกิดการผุกร่อนหรือแตกหักได้ง่าย ช่วยให้คงสภาพรางน้ำได้ตลอดการใช้งาน สามารถยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น
มั่นใจมากกว่าเดิมด้วยการผ่านการทดสอบ Weather Testing จากประเทศเยอรมัน และยังตอบโจทย์เรื่องดีไซน์เพราะรางน้ำ VG มีให้เลือกถึง 3 รุ่น 3 สไตล์ คือ รุ่น PRIMO รุ่น FIRST R2 และ รุ่น EZY หากสนใจรางน้ำ VG สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
สามารถปรึกษา VG ได้ตามช่องทางต่างๆ ด้านล่าง
โทร.: 087-654-7788, 080-744-7799, 063-271-7711 (ENG)
อีเมล: info@mycnpgroup.com
LINA OA: @vg-cnpFacebook: VG รางน้ำและหลังคาไวนิล