ทำความรู้จักกับ “รางน้ำฝน” หนึ่งในส่วนสำคัญที่ช่วยปกป้องบ้าน
หลายคนคงมีคำถามมากมายเกี่ยวกับเจ้ารางน้ำและท่อที่วางตัวอยู่ตามแนวใต้หลังคา ชายคาบ้าน ว่า “มันจำเป็นและสำคัญอย่างไรกับตัวบ้าน?” หรือ “ถ้าไม่มีจะเกิดปัญหาอะไรรึเปล่า?” เพราะบางครั้งรางน้ำนั้นดูจะขัดหูขัดตา ไม่เข้ากับดีไซน์ของบ้าน หรืออาจจะประหยัดงบประมาณลงไปได้บ้างหากตัดรางน้ำฝนออกไป แต่รางน้ำนั้นไม่มีความสำคัญจริงๆ อย่างนั้นหรือ? งั้นลองมาทำความรู้จักกับรางน้ำฝนกันเลย
รางน้ำคืออะไร จำเป็นต่อบ้านหรือเปล่านะ?
รางน้ำหรือรางน้ำฝน (Rain Gutter) เป็นหนึ่งในอุปกรณ์สำคัญของระบบระบายน้ำภายนอกตัวอาคาร โดยมีหน้าที่เก็บรวบรวมและควบคุมทิศทางการไหลของน้ำฝนที่ไหลลงมาจากหลังคา ให้ระบายออกสู่พื้นด้านล่างได้อย่างเป็นระเบียบ เพราะในอดีตบ้านส่วนมากในประเทศไทยจะติดรางน้ำไว้เพื่อรองน้ำฝนมาไว้สำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน แม้ปัจจุบันเราแทบจะไม่ได้รองน้ำฝนไว้ใช้กันแล้วนั้น แต่รางน้ำก็ยังคงมีบทบาทหน้าที่สำคัญในการปกป้องบ้านที่เรารัก จากปัญหาหลัก 2 ประการ ได้แก่
ประการที่ 1 พื้นดินทรุด
สืบเนื่องจากการที่น้ำไหลจากหลังคาลงมาสู่พื้นดินบริเวณรอบเป็นจำนวนมาก น้ำปริมาณมากนั้นจะซึมเข้าสู่พื้นผิวโดยรอบ จนไปขังสะสมในดินปริมาณมาก ทำให้ผิวดินอุ้มน้ำไว้จนมากเกินไป เป็นสาเหตุของการเกิดดินทรุดตัว ทำให้โครงสร้างของบ้านเสียหายหรือทรุดเอียงได้ ซึ่งรับรองว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่เจ้าของบ้านไม่อยากเจอเป็นแน่
นอกจากนั้นรางน้ำฝนยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างสัมพันธ์อันดีกับเพื่อนข้างบ้านได้อีกด้วย ในกรณีที่ปลูกบ้านติดกันมักมีประเด็นน้ำที่ไหลจากหลังคาบ้านเราตกลงไปสร้างความเสียหายให้กับเพื่อนบ้านสร้างความหมางใจ แล้วอาจโดนแจ้งความฐานกระทำผิดประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1341 ที่ว่า “ท่านมิให้เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ ทำหลังคาหรือการปลูกสร้างอย่างอื่น ซึ่งทำให้น้ำฝนตกลงยังทรัพย์สินซึ่งอยู่ติดต่อกัน” ได้อีกด้วย
ประการที่ 2 น้ำหยดลงหินทุกวัน หินยังกร่อน
แล้วนับประสาอะไรกับพื้นรอบบ้านของเรา เพราะหากไม่มีรางน้ำ น้ำฝนจะไหลบ่าจากหลังคาลงสู่ไปกระทบกับพื้นด้านล่างโดยตรง เมื่อสะสมเป็นเวลานานๆ พื้นบริเวณนั้นย่อมสึกกร่อนลงเป็นธรรมดา ยิ่งถ้าแถวนั้นเป็นสวนสวยที่คุณเฝ้าฟูมฟัก ดินย่อมถูกน้ำเซาะจนเสียหายอย่างง่ายดาย แม้แต่พื้นคอนกรีตหรือพื้นกระเบื้องก็อาจก่อให้เกิดความเสียหายได้ นอกจากผลกระทบต่อพื้นโดยตรงแล้ว การที่มวลน้ำปริมาณมากตกลงจากที่สูงยังทำให้น้ำกระเซ็นไปโดนผนังบ้านซึ่งอาจก่อให้เกิดคราบน้ำและเชื้อรา รวมถึงคราบฝุ่นผงบนหลังคาที่ถูกน้ำเซาะลงมาทำให้ตัวบ้านเปรอะเปื้อนได้ง่ายอีกด้วย
เห็นได้ว่ารางน้ำฝนที่หลายๆ คนมักมองข้ามนั้นมีความสำคัญและช่วยเหลือบ้านที่แสนสำคัญได้มากกว่าที่คิด!
เลือกรางน้ำฝนอย่างไร ให้เหมาะกับบ้าน?
ในปัจจุบัน ทั้งเรื่องดีไซน์ สีสัน และวัสดุรางน้ำฝนมีให้เลือกอย่างหลากหลาย เพื่อให้มีความสวยงามเข้ากับตัวบ้านในงบประมาณที่ต่างกันไป แต่ในการเลือกรางน้ำแต่ละครั้งแค่ความสวยงามภายนอกอาจจะไม่ตอบโจทย์ทั้งหมด ต้องรู้จักคุณสมบัติของรางน้ำแต่ละประเภทด้วย ซึ่ง VG ขอแนะนำวัสดุรางน้ำฝนแบบต่างๆ ดังนี้
รางน้ำฝนโลหะ
รางน้ำฝนสังกะสี เป็นโลหะที่มีต้นทุนถูกที่สุด สำหรับใครที่มีงบน้อย รางน้ำสังกะสีย่อมเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ทั้งยังมีน้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย สามารถหาช่างเหล็กในพื้นที่มาติดตั้งให้ได้เลย โดยช่างจะนำแผ่นสังกะสีมาพับหรือม้วน และเชื่อมรอยเพื่อทำเป็นรางน้ำฝน เนื่องจากต้นทุนที่ต่ำจึงทำให้อายุการใช้งานไม่นานมาก อีกทั้งสามารถเป็นสนิมและผุพังได้ง่าย เวลาฝนตกลงมาจะเกิดเสียงกระทบกับสังกะสี สำหรับคนที่ไม่ชอบเสียงดังคงจะไม่ถูกใจมากนัก
รางน้ำฝนสแตนเลส เพิ่มความแข็งแรงขึ้นอีกนิด สแตนเลสมีความคงทนสูงกว่ารางน้ำสังกะสี มีเนื้อวัสดุมันวาว และมีหลายเกรดให้เลือกซื้อ แต่เพื่อป้องกันการเกิดสนิมและยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้นควรเลือกเป็นสแตนเลส 304 เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ทนกรด ทนด่างได้ ข้อควรระวังของรางน้ำประเภทนี้คือช่วงรอยต่อที่เกิดจากการเชื่อม หากเชื่อมด้วยตะกั่วมักเกิดปัญหารอยรั่วและการแตกหักตามมาภายหลัง ส่วนใหญ่จึงนิยมเชื่อมด้วยอาร์กอนที่จะให้ความคงทนสูงกว่า และควรอาศัยช่างที่มีความเชี่ยวชาญด้านสแตนเลสโดยเฉพาะ
รางน้ำฝนเหล็กเคลือบอลูซิงค์ หรือ รางเหล็กชุบกัลวาไนซ์ หนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดของรางประเภทโลหะ แม้จะทนทานน้อยกว่าสแตนเลส แต่มีน้ำหนักที่เบา และสามารถเลือกสีตามที่ต้องการเพื่อให้เข้ากับตัวบ้านได้ เหล็กชนิดนี้มักถูกผลิตเป็นชิ้นมาจากโรงงาน ทำให้ได้มาตรฐานทั้งขนาดและรูปทรง ไม่ต้องกังวลเรื่องรอยรั่วจากการเชื่อมไม่เรียบร้อย แต่หาแหล่งรับทำได้ยากกว่ารางโลหะแบบอื่นๆ และมีความเสี่ยงในการถูกย้อมแมว จึงควรระวังและตรวจสอบก่อนเลือกร้านที่จัดจำหน่ายให้ดี
รางน้ำฝนอลูมิเนียม อีกหนึ่งวัสดุที่นิยมนำมาทำรางน้ำฝน เนื่องจากมีน้ำหนักเบา ทนต่อการกัดกร่อนได้สูง สามารถขึ้นรูปโดยการรีดเป็นรางยาวไร้รอยต่อ จึงไม่มีปัญหาเรื่องการรั่วซึม ทั้งยังทนแดด ทนฝน ไม่เป็นสนิม และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานถึง 10 ปีหรือมากกว่า แต่ก็แลกมาด้วยราคาที่ค่อนข้างสูงกว่ารางน้ำโลหะชนิดอื่น
รางน้ำฝนวัสดุสังเคราะห์
รางน้ำฝนไฟเบอร์กลาส เป็นวัสดุสังเคราะห์ที่นิยมใช้งานกันตามบ้าน และโรงงานอุตสาหกรรม เนื่องจากเป็นวัสดุที่ไม่ทำปฏิกิริยากับสารเคมี จึงมีความคงทนสูง ไม่เกิดการผุกร่อนหรือเกิดสนิม อายุการใช้งานยาวนานมาก มีความสวยงามกลมกลืนกับตัวบ้านได้ง่าย แต่ราคาค่อนข้างสูง ส่วนในการติดตั้งนั้นจำเป็นต้องใช้ช่างผู้เชี่ยวชาญ ถึงจะได้ชิ้นงานที่เชื่อมต่อกันเป็นเนื้อเดียวอย่างสวยงาม
รางน้ำฝนไวนิล หรือ uPVC มีผิวมันเรียบ มีดีไซน์และสีให้เลือกหลากหลายเพื่อให้เหมาะสมกับตัวบ้าน ไวนิลมีคุณสมบัติที่ยืดหยุ่น ทนทานสูง ไม่บิดงอ ไม่ก่อสนิมทั้งยังทนทานต่อสภาพอากาศเป็นอย่างมาก ชิ้นส่วนต่างๆ จะผลิตสำเร็จมาจากโรงงานทำให้ได้มาตรฐาน ติดตั้งง่าย มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน อีกทั้งยังราคาไม่สูงมาก จึงกลายเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในการสร้างบ้านยุคใหม่นี้นี่เอง
นอกจากวัสดุทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ยังมีวัสดุรางน้ำฝนอีกหนึ่งชนิดที่ VG ได้คิดค้นและผลิตขึ้นอย่างเป็นพิเศษ คือ ไวนิล iR-uPVC นั่นเอง
โดยนวัตกรรม iR-uPVC หรือ Infrared Reflective Unplasticized Polyvinyl Chloride เป็นเทคโนโลยีเฉพาะของ VG ที่พัฒนามาอย่างยาวนานเพื่อให้ได้ไวนิลที่ตอบโจทย์การใช้งานอย่างรอบด้าน ซึ่งถูกผลิตมาจากส่วนผสมคุณภาพสูงนำเข้าจากแบรนด์ชั้นนำในต่างประเทศ ผ่านกระบวนการผสม ขึ้นรูป และควบคุมการผลิตโดยผู้เชี่ยวชาญ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรางน้ำสุดล้ำสมัยนี้ได้ที่ vg-cnp.com/gutter/ สุดท้ายนี้ แม้รางน้ำฝนจะถือเป็นส่วนเล็กๆ ของบ้าน แต่ก็มีความสำคัญอย่างมากในการจัดจากน้ำฝนและปกป้องบ้านจากความเสียหายเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจสะสมจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ ปัจจุบันมีหลากหลายดีไซน์ และวัสดุให้เลือก พวกเรา VG เป็นอีกหนึ่งในผู้ให้บริการด้านรางน้ำฝน ที่มีความเชี่ยวชาญมากว่า 15 ปี ที่ยินดีให้คำปรึกษาในการติดตั้งรางน้ำ รวมไปถึงเลือกสรรวัสดุ อุปกรณ์คุณภาพชั้นดีมอบให้กับลูกค้า วางใจเรื่องบ้านกับเราได้แน่นอน