รางน้ำฝน เป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับบ้านและอาคาร นอกจากจะช่วยป้องกันปัญหาต่างๆ จากน้ำฝนได้แล้ว ยังช่วยเรื่องความสวยงามอีกด้วย แม้ในอดีตรางน้ำฝนมีวัสดุและรูปแบบให้เลือกไม่มากนัก หลายบ้านจึงเลือกที่จะไม่ติดตั้งรางน้ำฝน เนื่องจากรู้สึกว่าดีไซน์และวัสดุไม่เข้ากับหลังคาบ้าน แต่ในปัจจุบันรางน้ำมีผลิตออกมารองรับความต้องการที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น มีตัวเลือกด้านวัสดุมากขึ้นและวัสดุที่เป็นที่นิยมมากที่สุดคือ รางน้ำฝน uPVC
ทำไมต้องเป็นรางน้ำฝน uPVC
รางน้ำฝนไวนิล ผลิตขึ้นจาก Polyvinyl Chloride หรือ Plastic Vinyl Chloride เป็นพลาสติกแข็งชนิดหนึ่งที่มีข้อดีหลายประการ เช่น ความแข็งแรงสูง กันน้ำได้ดี ไม่ขึ้นสนิมและสามารถทนสภาวะกรด-ด่างหรือสารเคมีต่างๆ ได้ดี อีกทั้งยังเป็นวัสดุที่ง่ายต่อการเคลือบเงา ผสมสี และยึดติดกับวัสดุอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุผลต่างๆ ที่กล่าวมาทำให้ รางน้ำฝน uPVC ตอบโจทย์มากในด้านความสวยงาม
ในกระบวนการผลิตรางน้ำฝน uPVC ของโรงงานผลิตจะนำพลาสติกมาเติมสารเคมีอย่างพลาสติไซเซอร์(Plasticizer) เพื่อให้ง่ายต่อการขึ้นรูป ทำให้รางน้ำฝน uPVC มีให้เลือกหลายทรง สามารถติดตั้งได้ลงตัวกับการดีไซน์หลังคาบ้าน
ทรงหลังคาบ้านที่เหมาะกับการติดตั้งรางน้ำฝน uPVC
นอกเหนือจากการเลือกใช้รางน้ำฝน uPVC ในการตกแต่งบ้านแล้ว การเลือกให้เข้ากับทรงหลังคาบ้านก็จะยิ่งช่วยให้บ้านดูสวยมากยิ่งขึ้น การเลือกทรงหลังคาบ้านที่ถูกต้องและเหมาะสมกับรางน้ำฝนจะช่วยให้ติดตั้งรางน้ำฝนได้ง่ายอีกด้วย โดยแบบหลังที่เหมาะกับการติดรางน้ำฝนมี ดังนี้
- แบบหลังคาบ้านทรงจั่ว (Gable Roof)
รูปทรงเป็นแบบสามเหลี่ยมลาดเอียงลงมา โดยมีด้านบนของทั้งสองฝั่งบรรจบกันที่สันด้านบนสุด เนื่องจากเป็นทรงที่สร้างได้ง่ายและเหมาะกับสภาพอากาศของประเทศไทย จึงเป็นแบบที่สามารถพบเห็นได้บ่อยครั้ง
ข้อดี: สามารถกันแดดกันฝนได้ดี ด้วยความที่เป็นทรงลาดเอียง ทำให้น้ำฝนสามารถไหลลงสู่รางน้ำฝนด้านล่างได้อย่างรวดเร็ว
แนวทางการติดรางน้ำฝน: สามารถเลือกติดรางน้ำฝนรอบๆ หลังคาบ้านได้ตามทิศทางที่ลาดลงของหลังคา โดยเลี่ยงจุดที่เป็นทรงหน้าจั่วเพื่อความสวยงาม
- แบบหลังคาทรงปั้นหยา (Hip Roof)
รูปทรงแบบลาดลงคล้ายทรงหน้าจั่ว แต่จะลาดลงทั้ง 4 ด้าน และบรรจบกันตรงด้านบน เป็นอีกหนึ่งแบบหลังคาบ้านที่สามารถพบได้ทั่วไป
ข้อดี: สามารถกันแดดกันฝนได้เป็นอย่างครอบคลุม เพราะหลังคามีองศาลาดลงทั้ง 4 ด้าน ทำให้น้ำสามารถไหลลงสู่ด้านล่างได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังมีความแข็งแรงสูงเพราะทุกด้านเชื่อมต่อกันและมาบรรจบกันที่สันด้านบน
แนวทางการติดรางน้ำฝน: เนื่องจากบ้านทรงนี้มีหลังคาที่มีรูปทรงที่ลาดลงทั้ง 4 ด้าน จึงสามารถติดรางน้ำฝนรอบหลังคาได้เลย อีกทั้งยังสามารถเลือกดีไซน์และสีรางน้ำฝนที่ชอบสำหรับตกแต่งหลังคาได้ง่ายอีกด้วย
- แบบหลังคาทรงโค้งกลม (Curved Roof)
หลังคาทรงโค้งมีชายคายื่นออกมา มีเอกลักษณ์และดึงดูดสายตาผู้คนเป็นอย่างดี เข้ากับรูปแบบบ้านได้หลากหลายสไตล์
ข้อดี: ด้วยความที่เป็นทรงโค้ง ทำให้วัสดุที่ใช้ในการสร้างหลังคาบางและเบา หากใช้วัสดุทำหลังคาประเภทเมทัลชีทหรือลูมิเนียม สามารถสร้างเป็นทรงโค้งได้หลายรูปแบบ
แนวทางการติดรางน้ำฝน: สามารถเลือกติดรางน้ำฝนได้ตามแนวลาดของหลังคาทรงโค้งกลมทั้งสองฝั่งได้เลยแต่อาจจะต้องเลือกรางน้ำฝนที่มีความบางและเบาเพื่อให้เหมาะกับแบบหลังคาทรงโค้งกลม
- แบบหลังคาทรงเรียบแบน (Flat Roof)
หลังคาทรงนี้มีลักษณะแบบราบเป็นระนาบเดียวกัน วัสดุที่ใช้ส่วนใหญ่นิยมใช้คอนกรีตเสริมเหล็ก แล้วถึงแม้จะดูเรียบตรงเสมอกัน แต่ในความจริงจำเป็นต้องออกแบบให้มีความลาดเอียงเล็กน้อยเพื่อให้น้ำฝนไหลลงมาจากหลังคาได้ ซึ่งแบบหลังนี้มักนิยมใช้กับบ้านรูปทรงโมเดิร์น ซึ่งช่วยให้การออกแบบตัวบ้าน สามารถทำได้หลากหลายมากขึ้น เช่นการติดตั้งรางน้ำฝนในตัวหลังคา เพิ่มความ “น้อยแต่มาก” ตามแบบฉบับบ้านโมเดิร์นในยุคนี้
ข้อดี: พื้นที่หลังเรียบทำให้ซ่อมแซมและทำความสะอาดได้ง่าย ดูทันสมัยตลอดเวลา
แนวทางการติดรางน้ำฝน: โดยปกติแล้วหลังคาทรงนี้ จะถูกออกแบบให้ลาดไปด้านใดด้านหนึ่งเพื่อการระบายน้ำออกทางท่อระบายน้ำฝนแทนรางน้ำฝน สามารถเลือกติดโซ่ระบายน้ำฝนเพื่อเพิ่มความสวยงามได้
- แบบหลังคาทรงเพิงหมาแหงน (Lean-To Roof)
เป็นทรงที่สวยงาม ทันสมัย ตัวหลังคาเอนลาดลงไปเพียงด้านเดียว ไม่มีความซับซ้อนในการสร้าง
ข้อดี: เป็นหลังคาที่มีการรั่วซึมน้อยกว่าแบบอื่น ใช้งบประมาณในการสร้างน้อยกว่าแบบอื่น
แนวทางการติดรางน้ำฝน: นอกจากจะใช้งบประมาณในการก่อสร้างน้อยแล้วการติดรางน้ำฝนก็ใช้งบประมาณน้อยที่สุดเหมือนกัน เนื่องจากหลังคาเอนลาดไปเพียงด้านเดียวจึงสามารถรางน้ำไฟด้านที่ลาดลง ด้านเดียวก็เพียงพอแล้ว
การเลือกแบบหลังคาบ้านให้เหมาะกับรางน้ำฝน นอกจากจะช่วยยกระดับความสวยงามของบ้านแล้วยังช่วยป้องกันปัญหาต่างๆ ที่จะตามมา เช่น ความเสียหายบริเวณรอบบ้านที่ฝนตกกระทบ โครงสร้างบ้านทรุดจากความชื้น และปัญหากับเพื่อนบ้านอีกด้วย จึงถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่คุ้มค่าที่จะติดตั้งไว้ใช้งาน
ขอแนะนำรางน้ำฝนไวนิลจาก VG
รางน้ำฝนไวนิล วีจี เป็นรางน้ำฝนที่ VG คิดค้นออกแบบยกระดับไวนิลให้เหนือกว่าไวนิลทั่วไปด้วยนวัตกรรม iR-uPVC ลิขสิทธ์เฉพาะของวีจี เป็นเนื้อพลาสติกไวนิลที่มีคุณสมบัติพิเศษ และมีการใช้ส่วนผสมทางเคมีภัณฑ์ที่มีคุณภาพชั้นนำเกรดระดับโลก คุณภาพการผลิตสินค้า วีจี จะใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ด้วยคุณสมบัติที่ตอบโจทย์การใช้งานในทุกด้าน ทั้งความทนทานต่อทุกสภาพอากาศ มีความยืดหยุ่นสูง ไม่แตกหักง่าย ไม่เกิดสนิม และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากกว่า 15 ปี พร้อมด้วยคุณสมบัติการปกป้องวัสดุที่ให้มากกว่าถึง 2 ชั้น
- ชั้นที่ 1 การปกป้องภายนอก (Outer Layer) ด้วยการเคลือบพิเศษด้วยสี Dupont สีจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก มีคุณสมบัติ Infrared Reflective ที่สามารถสะท้อนรังสี UV จากแสงแดดได้มากถึง 3 เท่า จึงไม่ทำให้เกิดสนิม ทั้งยังลดปัญหาอากาศร้อนบริเวณใต้ชายคาและช่วยลดความร้อนให้กับตัวบ้านได้อีกด้วย
- ชั้นที่ 2 การปกป้องภายใน (Inner Layer) ด้วยคุณสมบัติที่เน้นความแข็งแรงทางโครงสร้าง ความทนทานและมีความยืดหยุ่นสูง เมื่อกระทบกับน้ำและสภาพอากาศต่างๆ อยู่ตลอดเวลา จึงไม่เกิดการผุกร่อนหรือแตกหักได้ง่าย ช่วยให้คงสภาพรางน้ำได้ตลอดการใช้งาน สามารถยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น
มั่นใจมากกว่าเดิมด้วยการผ่านการทดสอบ Weather Testing จากประเทศเยอรมัน และยังตอบโจทย์เรื่องดีไซน์เพราะรางน้ำฝนไวนิล VG มีให้เลือกถึง 4 รุ่น 4 สไตล์ คือ
- รุ่น EZY เหมาะกับสไตล์บ้าน Semi-modern
- รุ่น PRIMO เหมาะกับสไตล์บ้าน Modern
- รุ่น FIRST R2 เหมาะกับสไตล์บ้าน Classic
- รุ่น COSMO XL 350 ไซส์ใหญ่ เหมาะสำหรับโรงงาน
อีกทั้งยังเป็นรางน้ำฝนไวนิลสำเร็จรูปที่ติดตั้งง่ายสามารถทำเองก็ได้ หากสนใจรางน้ำฝนไวนิล VG สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
สามารถสอบถามราคารางน้ำฝน และปรึกษา VG ผ่านช่องทางต่างๆ ด้านล่าง
โทร.: 087-654-7788, 063-271-7711 (ENG)
อีเมล: info@mycnpgroup.com
LINA OA: @vg-cnp
Facebook: VG รางน้ำและหลังคาไวนิล